5 ข้อควรระวังเมื่อคิดจะต่อประกันชั้น 2+ ให้กับรถคุณเอง

5 ข้อควรระวังเมื่อคิดจะต่อประกันชั้น 2+ ให้กับรถคุณเอง

5 ข้อควรระวังเมื่อคิดจะต่อประกันชั้น 2+ ให้กับรถคุณเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ประกัน 2+ หรือประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ เป็นหนึ่งทางเลือกที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของเจ้าของรถได้ เนื่องจากให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันภัยชั้น 1 แต่มีค่าเบี้ยประกันถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มีข้อควรระวังหลายอย่างเมื่อคิดจะต่อประกันชั้น 2+ เพราะอาจได้ไม่คุ้มเสียก็เป็นได้

ความคุ้มครองประกันภัยชั้น 1

     แม้ว่าประกันภัยชั้น 1 เป็นแผนประกันที่มีค่าเบี้ยประกันสูงที่สุด แต่ก็ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุดเช่นกัน โดยจ่ายค่าซ่อมให้ทั้งรถเราและคู่กรณี รวมถึงคุ้มครองในกรณีรถหาย ไฟไหม้ หรือประสบภัยธรรมชาติ อีกทั้งยังคุ้มครองในกรณีประสบอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี เช่น การถูกชนแล้วหนี, การเบียดฟุตบาท หรือถูกกรีดให้เป็นรอย เป็นต้น

     ทั้งนี้ ผู้เอาประกันสามารถเลือกทำประกันแบบระบุผู้ขับขี่ หรือแบบมีค่าเสียหายส่วนแรก เพื่อให้ค่าเบี้ยประกันลดลงได้

 

insurance1

 

ความคุ้มครองประกันภัยชั้น 2+

     ประกันภัยชั้น 2+ จะมีค่าเบี้ยประกันถูกลงมาจากประกันภัยชั้น 1 สูงสุดถึงหลักหมื่นบาท โดยให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันภัยชั้น 1 ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมรถเราและคู่กรณี แต่มีเงื่อนไขต้องสามารถระบุคู่กรณีได้ และจะต้องเป็นพาหนะจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้เท่านั้น รวมถึงคุ้มครองกรณีรถหายและไฟไหม้ ขณะที่การคุ้มครองกรณีภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม มักไม่คุ้มครองขึ้นอยู่กับแต่ละกรมธรรม์

     ขณะที่ประกันภัยประเภท 2+ จะไม่มีการระบุผู้ขับขี่ หรือแบบมีค่าเสียหายส่วนแรกเพื่อให้เบี้ยประกันถูกลงได้

 

insurance2

 

ข้อควรระวังเมื่อต่อประกันภัยประเภท 2+

1.จำเป็นต้องมีคู่กรณีเท่านั้นจึงจะเคลมได้

     กรณีขับรถเบียดฟุตบาท หรือชนเสาไฟฟ้า หรือกระทั่งพาหนะอื่นๆ ที่ไม่สามารถจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เช่น รถอีแต๋น, รถซาเล้ง ฯลฯ จะไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนใดๆ ได้เลย นั่นแปลว่าคุณจำเป็นต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าซ่อมรถคุณเอง รวมถึงต้องชดใช้กรณีเกิดความเสียหายกับทรัพย์สินภายนอกเองด้วย

2.แม้ถูกรถชนแล้วหนี ก็ไม่สามารถเคลมได้

     การถูกรถชนแล้วหนี แม้ว่าจะเป็นพาหนะทางบกตามเงื่อนไขของประกันชั้น 2+ แต่หากไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ ก็จะไม่สามารถเคลมได้เช่นกัน จึงควรมีกล้องติดรถยนต์เพื่อให้สามารถระบุคู่กรณีได้ง่ายขึ้น หรือกรณีถูกรถขณะจอดรถทิ้งไว้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกนั้น หรือพยานผู้เห็นเหตุการณ์เพื่อระบุคู่กรณีให้คุณ

3.ไม่คุ้มครองกรณีน้ำท่วม

     ประกันภัยชั้น 2+ ส่วนมากจะไม่คุ้มครองในกรณีประสบเหตุน้ำท่วม แต่คุณสามารถเลือกแพ็คเกจหรือออปชั่นเสริมเพื่อให้คุ้มครองส่วนนี้ได้

4.ทุนประกันต่ำกว่าชั้น 1

     ทุนประกันภัยชั้น 1 มักใกล้เคียงกับมูลค่าตัวรถที่แท้จริงในขณะนั้น ขณะที่ทุนประกันภัยชั้น 2+ มักต่ำลงมาอยู่พอสมควร โดยมากมักเริ่มต้นที่ 100,000 บาทเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้เสียประโยชน์ได้กรณีเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนสูง

5.ส่วนมากมักเป็นแบบซ่อมอู่

     ประกันภัยชั้น 2+ ส่วนมากเป็นแบบซ่อมอู่ หากต้องการเป็นแบบซ่อมศูนย์ก็จำเป็นต้องจ่ายค่าเบี้ยแพงขึ้น ซึ่งกรณีที่รถยังใหม่อยู่ควรเลือกประกันที่สามารถซ่อมศูนย์ได้จะดีกว่า

     เห็นไหมครับว่าประกันชั้น 2+ มีความแตกต่างจากประกันชั้น 1 อยู่พอสมควรทีเดียว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและงบประมาณของคุณเองแล้วล่ะครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook