อนุมัติเพิ่มความเร็วทางหลวง 120 กม./ชม. เลนขวาวิ่งไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม.
หลายคนคงได้ยินข่าว ครม. ได้ผ่านอนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดความเร็วรถยนต์ โดยเพิ่มเพดานจำกัดความเร็วสูงสุดไม่เกิน 120 กม./ชม. รวมถึงกำหนดวิ่งทางหลวงเลนขวาสุดไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. โดยคาดว่าจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาภายในเดือน ธันวาคม 2563 ที่จะถึงนี้
รายละเอียดการเพิ่มเพดานกำหนดจำกัดความเร็วสูงสุดนั้น จะถูกบังคับใช้กับถนนทางหลวงแผ่นดิน และทางหลวงชนบท ที่มีทางเดินรถแบบจัดช่องแบ่งเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องเดินรถ (4 ช่องจราจรทั้งไปและกลับ) และมีเกาะกลางถนนเฉพาะแบบกำแพงกั้น หรือ Barrier Median เท่านั้น โดยต้องไม่มีจุดกลับรถเสมอระดับถนน นั่นหมายความว่าจะต้องเป็นถนนที่มีที่กลับรถแบบสะพานเกือกม้าหรือกลับรถใต้สะพานเท่านั้น
โดยกำหนดความเร็วสูงสุดบนเส้นทางลักษณะดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับประเภทของรถ ดังนี้
รถยนต์
- ความเร็วสูงสุด 65 กม./ชม. สำหรับรถในขณะที่ชักจูงรถอื่น รถยนต์สี่ล้อเล็ก หรือรถยนต์สามล้อ
- ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. สำหรับรถโรงเรียนหรือรถรับส่งนักเรียน
- ความเร็วสูงสุด 90 กม./ชม. สำหรับรถบรรทุกที่มีน้ำหนักเกิน 2,200 กิโลกรัม รถบรรทุกคนโดยสารเกิน 15 คน
- ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. สำหรับรถบรรทุกผู้โดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน
- ความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. สำหรับรถยนต์อื่นๆ นอกเหนือจากข้างต้น
รถจักรยานยนต์
- ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. สำหรับรถจักรยานยนต์ที่มีความจุต่ำกว่า 400 ซีซี
- ความเร็วสูงสุด 100 กม./ชม. จักรยานยนต์ที่มีความจุ 400 ซีซี หรือกำลังสูงสุดมากกว่า 35 kW (หรือประมาณ 47.5 แรงม้า [PS] ขึ้นไป)
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดความเร็วขั้นต่ำสำหรับช่องทางขวาสุดของทางเดินรถในทางหลวง ที่แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันตั้งแต่ 2 ช่องทางขึ้นไป (ทั้งไปและกลับ 4 ช่องจราจรขึ้นไป) ให้ใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. โดยให้ใช้ความเร็วตามความเหมาะสมบนเขตทางที่มีป้ายหรือเครื่องหมายจราจรที่แสดงว่าเป็นเขตอันตราย
ในกรณีที่มีเครื่องหมายจราจรกำหนดอัตราความเร็วสูงสุดต่ำกว่าที่กำหนดไว้ข้างต้น ไม่ว่าตลอดทางเดินรถหรือช่วงใดช่วงหนึ่ง ให้ผู้ขับขี่รถทุกประเภทใช้ความเร็วไม่เกินอัตราสูงสุดที่กำหนดไว้ ยกเว้นในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ เนื่องจากมีข้อกำหนดด้านปริมาณรถ หรือเหตุขัดข้องอื่นอันมีเหตุสมควร
ทั้งนี้ กำหนดเพิ่มความเร็วสูงสุดดังกล่าวจะเริ่มบังคับใช้หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรงคมนาคมลงนามในกฎกระทรวงดังกล่าว ก่อนจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นภายในเดือนธันวาคม 2563 นี้