เตรียมรถให้พร้อมเที่ยวปีใหม่ 2564 ต้องเช็กตรงไหนบ้าง?

เตรียมรถให้พร้อมเที่ยวปีใหม่ 2564 ต้องเช็กตรงไหนบ้าง?

เตรียมรถให้พร้อมเที่ยวปีใหม่ 2564 ต้องเช็กตรงไหนบ้าง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     การตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนเดินทางไกลถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากรถเกิดปัญหาระหว่างทางขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่เพียงแต่จะทำให้ทริปหมดสนุกเท่านั้น แต่อาจเป็นอันตรายต่อทรัพย์สินและชีวิตด้วยซ้ำไป Sanook Auto จึงขอแนะนำ 5 จุดที่ต้องเช็กก่อนขับรถเที่ยวปีใหม่ มีอะไรบ้าง?

1.ของเหลวต่างๆ ในเครื่องยนต์ และแบตเตอรี่

     ก่อนอื่นเปิดฝากระโปรงหน้ารถ เพื่อตรวจสอบระดับของเหลวต่างๆ ภายในห้องเครื่องยนต์ โดยส่วนมากแล้วจะประกอบไปด้วย น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์, น้ำมันเบรก และระดับน้ำหล่อเย็นทั้งในหม้อน้ำและหม้อพักน้ำ หากพบว่าของเหลวส่วนใดมีระดับพร่องไปจากปกติ หรือมีสีและกลิ่นผิดแปลกไป ควรแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง

     นอกจากนี้ ควรตรวจสอบสภาพห้องเครื่องยนต์ว่าไม่มีการรั่วซึมใดๆ ของของเหลวที่มองเห็นได้ชัด เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาระหว่างทางได้ รวมถึงตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่ให้มีกำลังไฟเพียงพอ โดยสังเกตได้จากเสียงขณะสตาร์ทเครื่องยนต์จะต้องไม่ช้าผิดปกติหรือมีอาการสตาร์ทยาก หากพบว่าแบตเตอรี่เริ่มไม่เก็บไฟ ควรพิจารณาเปลี่ยนลูกใหม่ได้แล้ว

0106

2.ไฟส่องสว่างทุกจุด

     ไฟส่องสว่างถือเป็นความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของรถทุกคัน ควรตรวจสอบการทำงานของไฟหน้า, ไฟเลี้ยว, ไฟตัดหมอก, ไฟเบรก, ไฟถอยหลัง, ไฟท้าย และไฟส่องป้ายทะเบียน ทุกจุดต้องทำงานได้ครับ ไม่มีอาการดับหรือหรี่ผิดปกติ

     นอกจากนี้ รถทุกคันจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ไฟส่องสว่างให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ติดตั้งหลอดไฟซีนอนหรือแอลอีดีเข้ากับโคมไฟที่ออกแบบมาสำหรับหลอดฮาโลเจน เพราะจะทำให้แสงที่ได้สว่างฟุ้ง เป็นอันตรายต่อเพื่อนร่วมทาง รวมถึงไม่ติดตั้งหลอดไฟที่มีสีผิดแปลกไปจากที่กฎหมายกำหนด เช่น สีฟ้า สีม่วง เป็นต้น

3.สภาพยางรถยนต์ และใบปัดน้ำฝน

     ยางรถยนต์จะต้องอยู่ในสภาพพรอมใช้งาน มีดอกยางเหลือไม่ต่ำกว่า 3 มม. เพื่อประสิทธิภาพในการรีดน้ำที่ดี อีกทั้งจะต้องไม่มีรอยปริแตกโดยเฉพาะแก้มยาง เพราะเป็นจุดที่เสี่ยงต่อการระเบิดมากที่สุด

     ก่อนเดินทางไกลควรตรวจสอบแรงดันลมยางก่อนทุกครั้ง ซึ่งจะเป็นการเช็กการรั่วซึมไปในตัว หากพบว่าลมยางข้างใดข้างหนึ่งต่ำผิดปกติ อาจเป็นเพราะมีการรั่วซึมของยางได้ ซึ่งโดยส่วนมากมักเกิดจากการที่มีตะปูฝังใน ควรรีบปะหรือเปลี่ยนยางเสียก่อน หากบรรทุกผู้โดยสารพร้อมสัมภาระเต็มคัน ควรเติมลมยางล้อคู่หลังมากกว่าปกติประมาณ 6 psi หรือตามที่ระบุไว้บนสติ๊กเกอร์ข้างตัวรถ

     นอกจากนี้ยังต้องเช็กสภาพยางปัดน้ำฝนว่ายังมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำที่ดี สามารถรีดน้ำจนเกลี้ยงได้ในการปัดเพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งการเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนสามารถทำได้เอง โดยมีค่าใช้จ่ายเพียงหลักสิบไปจนถึงหลักร้อยบาทเท่านั้น

0107

4.เอกสารสำคัญต่างๆ

     ควรตรวจสอบเอกสารสำคัญที่ต้องเก็บไว้ในรถ เช่น กรมธรรม์ประกันภัย, พ.ร.บ., สำเนาคู่มือจดทะเบียน รวมถึงเอกสารที่มากับตัวรถ เช่น คู่มือการใช้รถ, สมุดเช็กระยะ เป็นต้น

     นอกจากนี้ คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้พกใบอนุญาตขับรถไว้กับตัวด้วย ซึ่งปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกอนุญาตให้ใช้ใบขับขี่เสมือนจริงบนแอปพลิเคชั่น DLT QR License ซึ่งรองรับสมาร์ทโฟนทั้งระบบ iOS และ Android

5.เตรียมความพร้อมของผู้ขับขี่

     ความพร้อมทางร่างกายของผู้ขับขี่ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน ก่อนขับรถทางไกลเป็นระยะเวลานาน ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งก่อนนอนและก่อนเดินทาง (เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแฮงก์หลังจากตื่นนอน) อีกทั้งยังควรติดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวไว้แก้ง่วงระหว่างเดินทาง

     ไม่เพียงเท่านี้ หากคุณต้องขับรถในช่วงกลางวันเป็นระยะเวลานาน ควรใช้แว่นกันแดดที่สามารถกรองรังสี UV ได้ดี หากเป็นแว่นกันแดดที่ใช้เลนส์แบบ Polarized จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตัดแสงได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้รู้สึกสบายตาในขณะขับรถ และมองเห็นวัตถุรอบข้างได้อย่างชัดเจน

0105

     นอกเหนือไปจากข้อแนะนำทั้ง 5 ข้อนี้แล้ว หากคุณเกิดประสบเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ ก็ควรทราบเบอร์โทรบริการฉุกเฉินต่างๆ ที่จำเป็นไว้ด้วย ได้แก่

  • 1669 สายด่วนสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
  • 1193 ตำรวจทางหลวง
  • 1543 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ EXAT Call Center
  • 1586 สายด่วนกรมทางหลวง
  • 1586 กด 7 สายด่วนมอเตอร์เวย์

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook