รีวิว Mitsubishi Outlander PHEV 2021 ใหม่ เอสยูวีไฮบริดเสียบปลั๊กมีทีเด็ดซ่อนอยู่ข้างใน
แม้ว่า Mitsubishi Outlander PHEV 2021 ใหม่ จะถูกเปิดตัวท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำเอาตลาดรถยนต์ทั่วโลกชะงัก แถมยังเลือกจังหวะเปิดตัวในช่วงที่เจเนอเรชั่นใหม่ที่กำลังมาพอดี แต่เมื่อได้มาสัมผัสเอสยูวีขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดคันนี้เข้า จึงเห็นว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวเมื่อเทียบกับคู่แข่งร่วมสัญชาติ
ก่อนอื่นต้องต้องยอมรับว่า มิตซูบิชิ ประเทศไทย เลือกเปิดตัว Outlander PHEV ใหม่ ในวันที่โฉมนี้เปิดตัวมาแล้วเกือบ 10 ปี ก่อนจะปรับไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่เมื่อปี 2015 และเป็นจังหวะที่ Outlander เจเนอเรชั่นที่ 4 (ตามการเรียงลำดับของตลาดโลก) ถูกเปิดตัวพอดิบพอดีเช่นกัน จึงไม่แปลกที่ใครจะเหน็บแนมว่าเป็นเจ้าพ่อตลาดวายไปเสียอย่างนั้น
แต่ในความเป็นจริง Mitsubishi Outlander เจเนอเรชั่นที่ 4 ใหม่ จะทำตลาดในช่วงแรกด้วยเครื่องยนต์สันดาปล้วนเท่านั้น (เบนซินหรือดีเซลที่ไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาเป็นส่วนประกอบ) ขณะที่ Outlander PHEV เครื่องยนต์ Plug-in Hybrid จะยังคงทำตลาดด้วยโฉมปัจจุบันต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ปี จึงสบายใจได้ว่า ณ วันนี้คุณไม่ได้ซื้อรถตกรุ่นอย่างแน่นอน
ความพิเศษอย่างหนึ่งของ Mitsubishi Outlander PHEV ในตลาดบ้านเราคือ รถคันนี้เป็น Outlander PHEV คันแรกที่ถูกประกอบขึ้นในโรงงานนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นความตั้งใจของมิตซูบิชิประเทศไทยที่ต้องการให้รถคันนี้มีราคาเข้าถึงได้ง่ายและทัดเทียมกับคู่แข่งทั้งหลาย... ใช่แล้วครับ! คุณอ่านไม่ผิดหรอก ราคานี้ถือว่าเข้าถึงได้ง่ายแล้วจริงๆ
เพราะแม้ว่ารถคันนี้จะมีราคาเริ่มต้นพุ่งไปถึง 1,640,000 บาท เทียบกับคู่แข่งฝั่งญี่ปุ่นที่มีรุ่นประหยัดราคาเริ่มต้นเพียงล้านต้นๆ แต่หาก Outlander PHEV ถูกนำเข้ามาทั้งคันโดยตรงจากญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ จะมีราคาจำหน่ายพุ่งขึ้นไปถึงเกือบ 4 ล้านบาทเลยทีเดียว แถมอุปกรณ์มาตรฐานก็จะไม่ครบครันอย่างที่เห็นอยู่นี้ด้วย
สำหรับ Mitsubishi Outlander PHEV 2021 ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย
- รุ่น GT
- รุ่น GT-Premium
ภายนอก
รุ่นที่เราได้ทำการทดสอบครั้งนี้เป็นรุ่น GT-Premium ที่มีอุปกรณ์มาตรฐานครบครันกว่า มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED Twin Projector พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED, ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Welcome Light และ Coming Home Light System, กระจังหน้าโครเมียมรมดำ และไฟท้ายแบบ LED
นอกจากนี้ยังมีกระจกมองข้างปรับและพัยด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบไล่ฝ้า, ที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า Headlamp Washer, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, เสาอากาศแบบครีบฉลาม, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/55 R18
ภายใน
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง ตกแต่งเน้นโทนสีดำเป็นหลัก โดยเบาะนั่งเป็นแบบหุ้มหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ เพิ่มความหรูหราด้วยตะเข็บไขว้ Diamond Quilting บริเวณเบาะนั่งและแผงประตู สามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมดันหลังไฟฟ้าเฉพาะฝั่งผู้ขับ ขณะที่เบาะหลังสามารถปรับเอนและปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้
ชุดมาตรวัดความเร็วเป็นแบบอนาล็อก โดยมีเข็มแสดงข้อมูลการทำงานของระบบไฮบริดอยู่ทางฝั่งซ้าย พร้อมด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีอยู่ตรงกลาง ขณะที่พวงมาลัยเป็นแบบหุ้มหนังสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง โดยมีปุ่มควบคุมระบบ Adaptive Cruise Control (เฉพาะรุ่น GT-Premium), ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มแสดงภาพจากกล้องรอบคันมาให้
ส่วนแป้นบวก-ลบบริเวณพวงมาลัยไม่ใช่แป้นเปลี่ยนอัตราทดเกียร์เหมือนกับรถทั่วไป หากแต่เป็น Regenerative Braking Level Selector สำหรับใช้ในการเลือกระดับการชาร์จไฟไปเก็บไว้ยังแบตเตอรี่ ยิ่งกดแป้นฝั่งลบ (-) มากเท่าไหร่ ระบบก็จะสร้างกำลังไฟมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้รถหน่วงความเร็วลงอย่างรวดเร็วคล้ายกับอาการเอนจิ้นเบรก (Engine Brake) ของรถสันดาปปกติ แต่จะไม่ทำให้รถหยุดนิ่งสนิทเหมือนกับ One Pedal ของ Nissan Kicks e-POWER โดยสามารถปรับได้ 5 ระดับ ไล่ไปตั้งแต่ B0 - B5
นอกจากนี้ Mitsubishi Outlander PHEV ยังถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์บริเวณคอนโซลกลางสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ช่องจ่ายไฟ USB 2.1A สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ที่บังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกและไฟส่องสว่าง, กระจกมองหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ, ปุ่มเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่น Brake Auto Hold, กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ท เป็นต้น
ขณะที่ระบบอินโฟเทนเมนท์เป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง 6 ตำแหน่ง รวมถึงมีฟังก์ชั่น Mitsubishi Remote Control สำหรับสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเวลาชาร์จไฟ, ตั้งเวลาระบบปรับอากาศล่วงหน้า, สั่งเปิดไฟหน้าเพื่อหารถในเวลากลางคืน และตรวจสอบสถานะต่างๆ ของตัวรถ โดยการใช้แอปพลิเคชั่นดังกล่าวจะต้องอยู่ในระยะสัญญาณบลูทูธเท่านั้น
จุดเด่นสำคัญของ Mitsubishi Outlander PHEV อยู่ที่ช่องจ่ายไฟแบบ AC ขนาดสูงสุด 1,500 วัตต์ โดยช่องเสียบจะมีทั้งบริเวณเบาะนั่งแถวหลัง และห้องเก็บสัมภาระท้ายเพื่อความสะดวกในการใช้งานรูปแบบต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น หากวันดีคืนดีอยากพารถคันนี้ไปแคมปิ้งกางเต็นท์ตากอากาศ ก็สามารถเสียบเตาไฟฟ้าเพื่อใช้ในการปรุงอาหารอย่างที่คุณเห็นในภาพข้างล่างนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับปลั๊กไฟบ้านเลย (เพียงแต่มีข้อแม้ว่ากำลังไฟสูงสุดของเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมกันจะต้องไม่เกิน 1,500 วัตต์เท่านั้น)
ส่วนใครกังวลว่าการเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้จะทำให้แบตเตอรี่รถหมดหรือเปล่านั้น หมดกังวลได้เลยครับ เพราะอย่าลืมว่ารถคันนี้ใช้ขุมพลังแบบปลั๊กอินไฮบริด หากแบตเตอรี่ใกล้หมดขึ้นมา เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นอัตโนมัติเพื่อชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ เสมือนกับเครื่องปั่นไฟสุดหรูราคาเฉียดสองล้านบาท เผื่อกรณีจำเป็นต้องใช้ไฟอย่างต่อเนื่องจริงๆ
Mitsubishi Outlander PHEV 2021 รุ่น GT-Premium มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูง ประกอบด้วย
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมช่วยชะลอความเร็ว FCM
- ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ ACC
- ระบบปรับระดับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ AHB
- ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง UMS
- ระบบเตือนมุมอับสายตาและเตือนขณะเปลี่ยนเลน BSW with LCA
- ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด RCTA
- กล้องมองภาพรอบคัน Multi Around Monitor
ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัย 7 ใบ, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC, ระบบเบรก ABS/EBD/BA, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA, สัญญาณกะระยะหน้า-หลัง และจุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX เป็นต้น
เครื่องยนต์
Mitsubishi Outlander PHEV ทั้ง 2 รุ่นย่อย ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร MIVEC ให้กำลังสูงสุด 128 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 199 นิวตัน-เมตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าที่มีกำลังสูงสุด 82 แรงมา แรงบิดสูงสุด 137 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ด้านหลังกำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 195 นิวตัน-เมตร หากนำตัวเลขแรงม้าทั้งหมดมารวมกันก็จะอยู่ที่ 305 แรงม้า แต่กำลังที่ถ่ายลงสู่ล้อจริงจะน้อยกว่านั้น
ส่วนแบตเตอรี่ไฮบริดเป็นแบบ Lithium-ion ความจุ 13.8 kWh สามารถขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนได้เป็นระยะทาง 55 กิโลเมตร พร้อมทั้งเคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 52.6 กม./ลิตร (อ้างอิงจากมาตรฐาน Eco Sticker) ขณะที่การชาร์จไฟสามารถชาร์จแบบปกติจนเต็มได้ในเวลา 4 ชั่วโมง และยังรองรับระบบชาร์จด่วนจนถึงระดับ 80% ในเวลา 25 นาที แต่น่าเสียดายที่เป็นหัวชาร์จมาตรฐาน CHAdeMO ของญี่ปุ่น ต่างจากของไทยที่ใช้มาตรฐาน Type 2
ทั้ง 2 รุ่นย่อยยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ S-AWC ที่สามารถกระจายแรงบิดไปยังล้อทั้งสี่ข้างได้อย่างอิสระ พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ Normal สำหรับใช้งานบนเส้นทางปกติ, Snow สำหรับขับขี่บนถนนลื่น, Lock สำหรับขับบนพื้นผิวขรุขระหรือทราย และ Sport สำหรับการขับขี่ที่ต้องการพละกำลังมากเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ Outlander PHEV ยังมีปุ่มเลือกโหมด EV บริเวณใกล้กับคันเกียร์ โดยสามารถทำความเร็วในโหมดไฟฟ้าได้สูงสุด 135 กม./ชม. ซึ่งนั่นหมายถึงคุณสามารถเร่งความเร็วจาก 0-135 กม./ชม. โดยที่ไม่มีเครื่องยนต์เข้ามาทำงานแม้แต่นิดเดียว
การขับขี่
อัตราเร่งของ Mitsubishi Outlander PHEV ดูค่อนข้างจะสวนทางกับพละกำลังที่เคลมไว้ 305 แรงม้าไปเสียหน่อย (ก็พวกเขาดันเอาตัวเลขแรงม้าเครื่องยนต์บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าเสียดื้อๆ อย่างนั้น) โดยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จะอยู่ที่ประมาณ 10 วินาทีหน่อยๆ ผิดจากความคาดหวังว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 10 วินาที แต่กระนั้นมันก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานโดยทั่วไปแล้ว
ขณะที่พวงมาลัยให้การตอบสนองได้ค่อนข้างดี มีน้ำหนักเบาคล่องตัว สามารถลัดเลาะไปตามสภาพการจราจรได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงก็จะเพิ่มความหนืดขึ้นมาในระดับหนึ่ง ช่วยให้สามารถขับขี่ทางไกลได้แบบไม่ต้องเกร็งแขนให้เมื่อย
แต่จุดเด่นของ Mitsubishi Outlander PHEV อยู่ที่การซับแรงสะเทือนจากพื้นถนนทำได้ดีกว่าที่คิด ให้ความนุ่มสบาย เหมาะสำหรับการใช้งานในครอบครัว จะมีบางช่วงที่วิ่งผ่านฝาท่อหรือลูกระนาดเล็กๆ จะมีแรงสะเทือนพอให้ตึงตังอยู่บ้าง แต่ก็แลกมาด้วยความหนึบแน่นพอประมาณที่ความเร็วสูง ต่างจากช่วงล่างของ Pajero Sport ที่ออกแนวย้วยเสียจนเวียนหัวกันไปข้าง
ทันทีที่พยายามเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ช่วงล่างของ Outlander PHEV สามารถตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากการโคลงของตัวรถอยู่ในระดับต่ำมาก แถมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ S-AWC จะพยายามดึงตัวรถแบบเนียนๆ ไม่ให้บานโค้งออกไป จึงสามารถควบคุมทิศทางได้ดั่งใจคิด จนกระทั่งมีเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เราแทบจะลืมไปเลยว่ากำลังขับรถเอสยูวีที่มีความสูงกว่ารถเก๋งปกติด้วยซ้ำไป
การเก็บเสียงจากภายนอกทำได้ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงยางบดพื้นถนนที่แทรกเข้ามาในระดับต่ำ รวมถึงเสียงลมไหลผ่านด้านข้างตัวรถจะเริ่มได้ยินที่ความเร็วประมาณ 110 กม./ชม. ขึ้นไป แต่ก็ไม่ได้ดังจนน่ารำคาญแต่อย่างใด จะมีก็เพียงที่แหลมโดดๆ แทรกเข้ามาบ้าง เช่น เสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านด้านข้าง เป็นต้น
สรุป
Mitsubishi Outlander PHEV 2021 ใหม่ ถือเป็นรถมิตซูบิชิที่ดีที่สุดเท่าที่เราขับมาเลยก็ว่าได้ แม้ว่าตัวเลขพละกำลัง 305 แรงม้า ถึงเวลาขับจริงอาจจะไม่ปรู๊ดปร๊าดดั่งใจหวัง แต่โดยรวมมันเป็นรถคอมแพ็คเอสยูวีที่เหมาะสำหรับขับขี่ไป-กลับที่ทำงานในเมือง เพราะเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พอที่คุณอาจแทบไม่ต้องใช้น้ำมันเลยในแต่ละวัน
แต่เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็เป็นรถที่พร้อมจะพาครอบครัวไปเที่ยวต่างจังหวัดได้อย่างมีความสุข ด้วยอุปกรณ์มาตรฐานภายในห้องโดยสารที่มีอย่างครบครัน ช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวล นั่งสบาย จะขับไปกางเต็นท์กลางป่าก็มีช่องจ่ายไฟ AC ขนาด 1,500 วัตต์ให้ใช้ แม้จะเป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆ แต่ก็สามารถใช้งานได้จริง
ในด้านรูปลักษณ์ก็ถือว่านานาจิตตัง เพราะดีไซน์ของโฉมนี้ก็ทำตลาดมาแล้วเกือบ 10 ปี (ถึงจะปรับไมเนอร์เชนจ์มาเมื่อปี 2015 ก็ตามเถอะ) หากเทียบกับคู่แข่งก็อาจแพ้เรื่องความสดใหม่ไปบ้าง แต่ช่วงล่างของ Outlander PHEV ก็ตอบสนองได้อย่างโดดเด่นกว่าคู่แข่งแทบทั้งหมด อีกทั้งยังได้เทคโนโลยีไฮบริดเสียบปลั๊กที่พัฒนามายาวนานกว่า MG HS PHEV และไม่ต้องขยับขึ้นไปแตะเอสยูวีหรูจากฝั่งยุโรปที่มีค่าตัวสูงกว่านี้เยอะ
หากคุณกำลังมองหารถคอมแพ็คเอสยูวี (หรือ PPV) สักคัน ขอแนะนำว่าให้ไปลองขับ Outlander PHEV ดูก่อน เพราะมันมีความดีงามหลายอย่างที่คุณต้องสัมผัสด้วยตัวเองถึงจะรู้ จากนั้นคุณจะพอใจวางเงินจองให้ค่ายไหนก็ค่อยว่ากัน
ราคาจำหน่าย Mitsubishi Outlander PHEV 2021 ใหม่
- รุ่น GT ราคา 1,640,000 บาท
- รุ่น GT-Premium ราคา 1,749,000 บาท
อัลบั้มภาพ 60 ภาพ