Ford Ranger เจเนอเรชั่นใหม่จะมาพร้อมเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ประหยัด 33 กม./ลิตร
Ford Ranger และ Everest เจเนอเรชั่นใหม่ จะเพิ่มทางเลือกด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Plug-in Hybrid ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยต่ำเพียง 33.3 กม./ลิตรเท่านั้น
เว็บไซต์ Car Expert ในออสเตรเลียเปิดเผยว่า Ford มีแผนวางจำหน่ายรถกระบะ Ranger ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในเจเนอเรชั่นถัดไป เพื่อให้เป็นไปตามแผนการเปลี่ยนถ่ายไปสู่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มสูบในปี 2030 ที่จะถึงนี้ โดยระหว่างช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายดังกล่าว ฟอร์ดยุโรปจะเริ่มติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับรถทุกรุ่นตั้งแต่ช่วงกลางปี 2026 เป็นต้นไป นั่นแปลว่ารถทุกรุ่นของฟอร์ดจะใช้เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเป็นอย่างน้อย
ทั้งนี้ Ford Ranger และ Everest ขุมพลัง Plug-in Hybrid ดังกล่าว คาดว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.3 ลิตร ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดราว 362 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 680 นิวตัน-เมตร โดยมีอัตราสิ้นเปลืองป้วนเปี้ยนอยู่ราว 33.3 กม./ลิตรเท่านั้น
นอกเหนือจากการติดตั้งเครื่องยนต์ PHEV ลงใน Ford Ranger แล้ว ในตลาดยุโรปและออสเตรเลียอาจมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ทั้งหมด โดยใช้เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร Bi-Turbo ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น และวางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตรไว้เป็นรุ่นท็อปสุด ขณะที่ Ranger Raptor อาจหันไปใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ EcoBoost ขนาด 2.7 ลิตรแทน
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่า Ford Ranger นอกตลาดยุโรป (รวมถึงประเทศไทย) จะได้ใช้เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดด้วยหรือไม่
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ