7 วิธีลดค่าเบี้ยประกันชั้น 1 ให้ถูกลงกว่าปกติ
ประกันรถยนต์ชั้น 1 แม้ว่าจะให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด แต่ก็แลกมาด้วยค่าเบี้ยประกันที่สูงที่สุดเช่นกัน ลองมาดูกันว่า 7 วิธีลดค่าเบี้ยประกันชั้น 1 จะทำอย่างไรได้บ้าง?
แม้ว่าปัจจุบันประกันชั้น 2+ และ 3+ จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากค่าเบี้ยประกันถูกกว่าประกันชั้น 1 อย่างเห็นได้ชัด และให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ประกันชั้น 2+ และ 3+ จะคุ้มครองรถคันเอาประกันภัยเฉพาะที่มีคู่กรณีเท่านั้น หากเกิดเหตุการณ์ชนแล้วหนี ไม่สามารถจำเลขทะเบียนได้ หรือคู่กรณีเป็นพาหนะที่ไม่สามารถจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก หรือแม้กระทั่งวัตถุสิ่งของอื่นๆ จะไม่สามารถเคลมได้ในทุกกรณี ซึ่งถือเป็นข้อควรระวังก่อนการเลือกประกันชั้น 2+ และ 3+ ทั้งหลาย
ถึงกระนั้น แม้ว่าค่าเบี้ยประกันชั้น 1 จะค่อนข้างสูง แต่ก็มีหลายวิธีลดค่าเบี้ยประกันอยู่หลายวิธี ดังนี้
1.ส่วนลดประวัติดี
หากในแต่ละปีไม่เคยเคลมประกัน หรือเป็นฝ่ายถูกมาโดยตลอด บริษัทประกันจะมอบส่วนลดประวัติดีให้ในปีถัดไปตั้งแต่ 20-50% ขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่ไม่เคยเคลม ทำให้การต่อประกันกับบริษัทเดิมมักได้ราคาดีกว่าการเปลี่ยนบริษัทใหม่
2.เลือกประกันแบบมีค่าเสียหายส่วนแรก
ค่าเสียหายส่วนแรก หรือ Deductible เป็นวงเงินที่เราจะต้องรับผิดชอบหากเกิดอุบัติเหตุที่เป็นฝ่ายผิด ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกจะอยู่ที่ 1,000 - 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับกรมธรรม์ แต่แผนประกันที่มีค่าเสียหายส่วนแรกเหล่านี้ก็จะถูกลงกว่าปกติด้วยเช่นกัน ส่วนจะคุ้มหรือไม่คุ้มนั้นคุณคงต้องตัดสินใจเองว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในแต่ละปีมากน้อยแค่ไหน
3.เลือกประกันแบบระบุชื่อและอายุของผู้ขับขี่
กรณีเลือกแผนประกันที่ระบุอายุหรือชื่อของผู้ขับขี่ จะได้รับส่วนลดจากปกติ 5-20% ขึ้นอยู่กับช่วงอายุของผู้ขับขี่ที่ระบุไว้ ดังนี้
- อายุ 18-24 ปี ลด 5%
- อายุ 25-35 ปี ลด 10%
- อายุ 36-50 ปี ลด 15%
- อายุ 50 ปีขึ้นไป ลด 20%
ส่วนใครกังวลว่าหากผู้ที่ไม่ได้มีชื่อในกรมธรรม์นำรถไปใช้แล้วเกิดอุบัติเหตุเป็นฝ่ายผิด จะสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ คำตอบคือ "ได้" เพียงแต่จะมี "ค่าผิดเงื่อนไข" เพิ่มเติมขึ้นมาก่อนที่จะนำรถไปซ่อมนั่นเอง (ซึ่งเป็นคนละส่วนกับค่า Excess)
4.ติดตั้งกล้องหน้ารถ
การติดตั้งกล้องหน้ารถจะช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงได้อีก 5-10% ตามนโยบายของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และยังเป็นการเพิ่มความอุ่นใจกรณีประสบอุบัติเหตุขึ้นด้วย
5.เลือกประกันแบบซ่อมอู่
การเปลี่ยนจากประกันชั้น 1 แบบซ่อมศูนย์มาเป็นแบบซ่อมอู่ จะช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงได้พอสมควร ยิ่งถ้าได้อู่ใกล้บ้าน ฝีมือดี ไว้ใจได้แล้วล่ะก็ การซ่อมสีที่อู่ก็อาจไม่ต่างจากการซ่อมศูนย์เลย
6.ลดทุนประกันลงมา
การลดทุนประกันลงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดค่าเบี้ยลงได้ แต่วิธีนี้ไม่แนะนำเท่าไหร่นัก เนื่องจากการลดทุนประกันจะทำให้เบี้ยประกันลดลงไม่มาก (เช่น ลดทุนประกันลงจาก 400,000 เหลือ 300,000 บาท แต่เบี้ยประกันอาจลดลงเพียงหลักร้อย หรือหลักพันต้นๆ) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคลด้วย
7.เช็คเบี้ยกับบริษัทประกันโดยตรง
ปัจจุบันมีนายหน้าประกันรถยนต์มากมายที่คอยอำนวยความสะดวกในการทำประกัน แต่คุณสามารถลองโทรเช็คเบี้ยกับทางบริษัทประกันโดยตรงอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งอาจได้ราคาถูกกว่าหรือมีกรมธรรม์รูปแบบอื่นๆ เป็นทางเลือกมากขึ้น แต่ข้อเสียคือ บางบริษัทอาจไม่ร่วมรายการผ่อน หรือผ่อนในระยะเวลาที่สั้นกว่า ทำให้ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่กว่า ต่างจากบริษัทนายหน้าที่มักมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมต่างๆ หรือผ่อน 0% ได้ 10 เดือน เป็นต้น
หากถึงเวลาต่อประกันครั้งต่อไปก็อย่าลืมนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันนะครับ