ชัวร์หรือมั่ว? ไทยจ่อยกเลิกขายรถสันดาปในปี 2035 ดันขายรถไฟฟ้า 100%

     ช่วงเช้าวันนี้ (25 มี.ค.) ผู้ที่เล่นโซเชียลคงได้เห็นข่าวคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ จ่อผลักดันมาตรการยกเลิกขายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในปี ค.ศ. 2035 ตั้งเป้าเดินหน้าวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบ 100%

     เนื้อหาในมาตรการดังกล่าวถูกจัดให้เป็นมาตรการเร่งด่วนในการกระตุ้นการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งประเภท 2 ล้อ, 3 ล้อ และ 4 ล้อ โดยมีเป้าหมายให้เจ้าของรถสามารถจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ได้เฉพาะรถยนต์ไร้มลพิษ Zero-emission Vehicle หรือรถยนต์ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้าล้วน (Battery Electric Vehicle - BEV) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2035 เป็นต้นไป ขณะที่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป (เบนซินและดีเซล) จะไม่สามารถจดทะเบียนได้

     นอกจากนี้ ยังมีมาตรการระยะ 1-5 ปี ที่ต้องการให้มีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตเริ่มตั้งแต่ปี 2026 และการจัดเก็บภาษีรถยนต์ประจำปี ภายใต้เงื่อนไขรถยิ่งเก่า ภาษียิ่งสูง พร้อมทั้งมาตรการการบริหารจัดการซากรถยนต์, ซากแบตเตอรี่ และรถยนต์ใช้แล้ว และการวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการใช้รถ BEV เป็นต้น

     อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติเท่านั้น ยังไม่มีผลบังคับใช้จริงแต่ประการใด

     ล่าสุด กระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรมมีการร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด อีวี) เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายเพื่อลดการใช้เครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เพื่อเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญของโลก

     โดยสาระสำคัญในการประชุมดังกล่าว ได้มีการมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม,​ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงคมนาคม ร่วมพิจารณาส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า ผลักดันให้ผู้ประกอบการเร่งเกิดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยเร็ว โดยมีเป้าหมายการใช้รถยนต์ไฟฟ้ารวมทุกประเภทในปี พ.ศ. 2564 รวมทั้งสิ้น 1,055,000 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งและกระบะจำนวน 402,000 คัน รถจักรยานยนต์ 620,000 คัน และรถบัส-ขนส่งจำนวน 31,000 คัน อีกทั้งยังระบุถึงแผนปี 2578 ที่ต้องการให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 18,413,000 คัน

     ส่วนเนื้อหาด้านมาตรการยกเลิกการใช้รถยนต์สันดาปไม่ได้มีการกล่าวถึงแต่อย่างใด