ไม่นำรถเข้าเช็กระยะ 6 เดือน หรือ 10,000 กม. จะเกิดผลเสียอย่างไรบ้าง?
โดยปกติแล้วรถใหม่ทุกคันจะมีกำหนดนำรถกลับเข้าศูนย์เพื่อตรวจเช็กสภาพตามระยะทุก 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร (บางรุ่นอาจลากยาวถึง 20,000 กิโลเมตร) แต่รู้หรือไม่ว่าหากไม่ได้นำรถเข้าศูนย์ตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้จะเป็นอย่างไรบ้าง?
1. ถูกยกเลิกวารันตี
กรณีรถใหม่ป้ายแดง หากไม่จำรถเข้าเช็กระยะตามที่คู่มือกำหนดไว้ จะทำให้การรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรสิ้นสุดลง (รถบางรุ่นอาจให้การรับประกันนานถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร หรือให้การรับประกันชิ้นส่วนเฉพาะ เช่น แบตเตอรี่ไฮบริดนาน 8 ปี เป็นต้น)
หากวันหนึ่งตัวรถเกิดปัญหาขึ้นมา ศูนย์บริการอาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เนื่องจากถือว่ารถหมดประกันไปแล้ว ยิ่งหากเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชิ้นส่วนที่มีมูลค่าสูง เช่น เครื่องยนต์หรือเกียร์ แบบนี้เจ้าของอาจต้องรับผิดชอบค่าซ่อมด้วยตัวเอง
2. เสียสิทธิพิเศษหรือโปรโมชั่นต่างๆ
การไม่นำรถเข้าเช็กระยะ อาจทำให้เสียสิทธิพิเศษที่เจ้าของรถควรได้รับ เช่น ฟรีค่าแรง, ส่วนลดค่าอะไหล่บางชิ้น ฯลฯ หรือรถบางยี่ห้อที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถซื้อแพ็คเกจขยายวารันตีได้ แต่ลูกค้าที่ไม่นำรถเข้าเช็กระยะก็จะเสียสิทธิ์ตรงนี้ไป
3. อาจถูกกดราคาขายต่อ
สมุดเช็กระยะเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อรถมือสองหรือเต็นท์รถให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นสิ่งยืนยันถึงการบำรุงรักษาตัวรถอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เจ้าของรถมีโอกาสขายต่อได้ในราคาสูงกว่า แต่หากไม่มีสมุดเช็กระยะหรือถูกเว้นว่างเอาไว้ ก็อาจเป็นเหตุให้ผู้ซื้อกดราคาให้ต่ำลงได้
อย่างไรก็ดี หากแม้ว่าเจ้าของรถจะไม่นำรถเข้ารับการเช็กระยะที่ศูนย์บริการด้วยเหตุผลใดก็ตาม อย่างน้อยก็ควรนำรถเข้าอู่นอกเพื่อเปลี่ยนถ่ายของเหลวและอะไหล่สิ้นเปลืองอย่างน้อยทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้รถยังคงอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานตลอดเวลา และที่สำคัญควรเลือกอู่ที่มีมาตรฐาน ไว้ใจได้ จะได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตรงจุดและงบไม่บานปลายครับ