เพิ่งจะรู้! "ดอกยาง" ไม่ได้ช่วยให้รถเกาะถนน
หลายคนยังมีความเข้าใจผิดว่า "ดอกยาง" มีไว้เพื่อให้รถเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอันที่จริงมีส่วนถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะอันที่จริงดอกยางมีไว้สำหรับ "รีดน้ำ" ต่างหากล่ะ!
อันที่จริงแล้ว ยิ่งหน้ายางแนบสนิทไปกับพื้นถนนมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รถเกาะถนนมากขึ้นเท่านั้น หากเทียบกันระหว่างยางที่มีความกว้างเท่ากัน ยางที่ไม่มีดอกยางจะสามารถยึดเกาะถนนได้ดีกว่ายางที่มีดอกยาง ส่งผลให้รถแข่งทางเรียบทั้งหลายมักเลือกใช้ยางไร้ดอก (Slick) ซึ่งมีพื้นผิวเรียบช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนได้ดีกว่ายางรถบ้านทั่วไป และลดแรงต้านทานที่เกิดจากดอกยางได้อีกด้วย (แต่หากจู่ๆ เกิดฝนตกขึ้นมาระหว่างการแข่งขัน รับรองว่าไถลออกนอกสนามกันเป็นว่าเล่นอย่างแน่นอน ยิ่งใช้ความเร็วสูงมากเท่าไหร่ยิ่งไม่รอด)
แต่รถบ้านทั่วไปที่ใช้บนถนนปกตินั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีดอกยางเพื่อช่วย "รีดน้ำ" เมื่อขับผ่านแอ่งน้ำหรือระหว่างฝนตก ยิ่งดอกยางลึกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะมีประสิทธิภาพการรีดน้ำมากขึ้นเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม หากดอกยางเริ่มสึกลงก็จะมีประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลงเช่นกัน
กรณีขับรถผ่านแอ่งน้ำ ยางที่เสื่อมสภาพจนแทบไม่เหลือดอกยางนั้น จะไม่สามารถรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ จนทำให้เกิดชั้นของน้ำแทรกกลางระหว่างหน้ายางและพื้นถนน (Hydroplaning) จึงสูญเสียประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนไป ส่งผลให้รถเสียหลักได้ในที่สุด ถึงแม้ว่ารถจะมีระบบควบคุมเสถียรภาพ (เช่น VSC, VSA, ESP, DSC,... หรืออื่นๆ ตามแต่ละผู้ผลิตรถยนต์จะเรียก) ก็แทบจะไร้ประโยชน์เนื่องจากหน้ายางไม่สัมผัสพื้นถนนไปแล้วนั่นเอง
ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูฝน ก็ควรตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ว่ามีดอกยางเหลือมากกว่า 3 มม. ขึ้นไป เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อนั่นเองครับ