5 สิ่งที่จำเป็นต้องเช็กก่อนเข้าช่วงฤดูฝน มีอะไรบ้าง?

5 สิ่งที่จำเป็นต้องเช็กก่อนเข้าช่วงฤดูฝน มีอะไรบ้าง?

5 สิ่งที่จำเป็นต้องเช็กก่อนเข้าช่วงฤดูฝน มีอะไรบ้าง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกแทบทุกวัน ความปลอดภัยในการขับขี่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นอกเหนือจากการตรวจเช็กเครื่องยนต์และของเหลวตามปกติแล้วนั้น ยังมีสิ่งจำเป็นที่ต้องตรวจเช็กเป็นพิเศษ เพื่อให้การขับรถท่ามกลางสายฝนมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

     Sanook Auto จึงขอแนะนำ 5 สิ่งที่ต้องตรวจเช็กรับฤดูฝน มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

1.เช็กสภาพยางรถยนต์

     ยางรถยนต์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการขับขี่บนถนนเปียก เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนเดียวของตัวรถที่สัมผัสกับพื้นถนน หากยางเสื่อมสภาพจนแทบมองไม่เห็นดอกยางแล้วล่ะก็ ยางจะไม่สามารถรีดน้ำได้ปริมาณมากพอ ก่อให้เกิดชั้นน้ำแทรกกลางระหว่างยางและพื้นถนน หรือที่เรียกกันว่าอาการเหินน้ำ (Hydroplaning) จนทำให้รถเสียหลักได้ในที่สุด

     ทางที่ดีดอกยางควรมีความลึกไม่ต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร เพื่อคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพในการรีดน้ำ และควรตรวจเช็กสภาพยางด้วยว่าเนื้อยางยังนิ่มอยู่ ไม่มีรอยแตก บวม ฉีก ที่มองเห็นได้ชัด ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการระเบิดหากขับขี่ที่ความเร็วสูงหรือกระแทกหลุมอย่างรุนแรง

rainy_01

2.เช็กสภาพใบปัดน้ำฝนและระบบฉีดล้างกระจก

     ใบปัดน้ำฝนที่ดีควรปัดได้อย่างสะอาดหมดจดตั้งแต่การปัดครั้งแรก แต่หากยังมีคราบน้ำหลงเหลืออยู่หลังจากการปัดไปแล้ว 1-2 ครั้ง แสดงว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนใบปัดใหม่ได้แล้ว ซึ่งการเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนสามารถทำได้เอง แถมปัจจุบันสามารถหาซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องเลือกลักษณะข้อต่อและขนาดให้เท่ากับของเดิมเท่านั้น ราคาก็มีตั้งแต่ร้อยต้นๆ ไปจนถึงหลักพันบาทเท่านั้น

     นอกจากนี้ ควรตรวจเช็กระดับน้ำล้างกระจกให้เพียงพออยู่เสมอด้วย โดยปัจจุบันมีน้ำยาสำหรับเติมหม้อพักน้ำล้างกระจก ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยชะล้างคราบน้ำมันหรือแมลงที่ติดอยู่บนกระจกได้ดีกว่าน้ำสะอาดทั่วไป

rainy_03

3.เช็กไฟส่องสว่างรอบคัน

     การใช้ไฟส่องสว่างอย่างเหมาะสมขณะฝนตก จะช่วยให้รถคันอื่นสามารถสังเกตเห็นรถของคุณได้ง่ายขึ้น จึงควรตรวจสอบไฟส่องสว่างรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า, ไฟเลี้ยว, ไฟท้าย, ไฟเบรก, ไฟถอยหลัง, ไฟตัดหมอก รวมถึงไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Light) จะต้องไม่มีหลอดใดหลอดหนึ่งขาดหรือดับโดยเด็ดขาด

     กรณีเป็นหลอดไส้ สามารถหาซื้อเปลี่ยนเองได้ไม่ยากนัก ราคาต่อหลอดเพียงหลักสิบบาทไปจนถึงหลักร้อยเท่านั้น แต่จำเป็นต้องเลือกขั้วให้ตรงกับของเดิม แต่กรณีไฟ LED เสีย อาจเกิดจากแผงวงจรมีปัญหา ทางที่ดีควรนำรถเข้าเช็กที่อู่หรือศูนย์บริการจะดีกว่า

rainy_02

4.เช็กสภาพเบรกและระบบเอบีเอส

     ขณะขับขี่บนถนนแห้งจะต้องไม่มีเสียงดังแหลมขณะเหยียบเบรก แสดงว่าผ้าเบรกยังคงใช้งานได้อยู่ แต่หากได้ยินเสียงดังเป็นครั้งคราวหรือตลอดเวลาที่เหยียบเบรก แสดงว่าผ้าเบรกเริ่มหมดแล้ว (บางกรณีอาจเกิดจากผิวจานเบรกไม่เรียบได้เช่นกัน) ควรรีบหาเวลาเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่เมื่อมีโอกาส

     ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS - Anti-lock Brake System) มีหน้าที่ช่วยไม่ให้ล้อตายขณะเหยียบเบรกอย่างรุนแรง และเป็นฟังก์ชั่นสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนถนนเปียก เนื่องจากจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถหักหลบสิ่งกีดขวางได้แม้ว่าเหยียบเบรกอย่างสุดแรงก็ตาม

     การตรวจเช็กระบบ ABS ว่ายังทำงานดีอยู่หรือไม่ สามารถทำได้ง่ายๆ เริ่มจากหาพื้นที่โล่งเพื่อความปลอดภัย (หากอยู่บนพื้นผิวเปียกหรือมีน้ำขัง จะช่วยให้สังเกตได้ง่ายขึ้น) ใช้ความเร็วสัก 20-30 กม./ชม. จากนั้นเหยียบเบรกจนสุดแรง หากมีเสียงปั๊ม ABS ทำงานเป็นจังหวะ พร้อมกับมีแรงสะเทือนที่แป้นเบรก แสดงว่าระบบ ABS ยังคงทำงานได้อยู่ แต่ถ้าได้ยินเสียงเอี๊ยดยาวๆ และไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ แสดงว่าระบบมีปัญหา ควรนำรถเข้าเช็กที่อู่หรือศูนย์บริการ

rainy_04

5.เตรียมของจำเป็นไว้ให้พร้อม

     ควรพกของจำเป็นติดรถไว้เพื่อใช้ในช่วงฤดูฝน ไม่ว่าจะเป็น ร่ม, ทิชชู่, น้ำสะอาด (เผื่อเอาไว้เติมหม้อพักน้ำฉีดกระจกได้) รวมไปถึงเอกสารที่จำเป็นต่างๆ เช่น กรมธรรม์ประกันภัย, กรมธรรม์ พ.ร.บ. และสำเนาทะเบียนรถ จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจกรณีประสบเหตุฉุกเฉินได้ครับ

     รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมเช็กรถของคุณเองเพื่อเพิ่มความพร้อมก่อนเข้าหน้าฝนด้วยนะครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook