เช็กอาการ "เกียร์ออโต้เสีย" ที่พบบ่อยๆ มีอะไรบ้าง?

     รถยนต์ในปัจจุบันล้วนแต่เป็นเกียร์อัตโนมัติกันแทบทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่รถกระบะที่มีสัดส่วนยอดจำหน่ายเกียร์อัตโนมัติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ตามมา คือ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูงกว่าเกียร์ธรรมดา แถมยังต้องรู้จักวิธีใช้งานอย่างถูกต้อง เพื่อลดโอกาสเกียร์พังก่อนเวลาอันสมควร

     เราจึงควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของเกียร์ออโต้อยู่เสมอ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณแจ้งเตือนว่าเกียร์เริ่มมีปัญหา จะได้แก้ไขตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ลุกลามบานปลายจนเกินไป

     Sanook Auto จึงขอแนะนำ 5 อาการเสียเบื้องต้นของเกียร์อัตโนมัติที่พบได้บ่อย เริ่มจากเบาไปหาหนัก ดังนี้

     1.เกียร์กระตุก - เป็นอาการที่พบได้บ่อยสุด โดยเฉพาะรถที่ผ่านการใช้งานมายาวนาน อาจมีอาการกระตุกผิดปกติ ทั้งจังหวะที่รถกำลังเคลื่อนที่ เช่น ขณะเปลี่ยนจากเกียร์ 1 ไป 2 หรือจาก 2 ไป 3 ซึ่งโดยมากจะเกิดกับตำแหน่งเกียร์ใดตำแหน่งหนึ่งเท่านั้น หรืออีกกรณี คือ ขณะสลับเกียร์ระหว่าง N ไป D หรือ R ไป N หากพบว่ามีอาการกระตุกหรือเสียงดังผิดปกติ แสดงว่าเกียร์เริ่มมีปัญหาแล้ว

     2.เกียร์วืด - อาการเกียร์วืดจะพบได้ขณะที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ โดยจะมีอาการรอบพุ่งสูงในขณะเปลี่ยนอัตราทด แต่พละกำลังกลับหายไปดื้อๆ ชั่วขณะ

     3.เข้าเกียร์แล้วรถไม่เคลื่อน - อาการนี้มักเกิดขึ้นบ่อยหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ช่วงเช้า อาจต้องรอ 2-3 นาทีจนกว่าเครื่องยนต์จะร้อนได้ที จึงจะสามารถเข้าเกียร์เดินหน้าได้ตามปกติ

     4.เกียร์เดินไม่ครบ - อาการผิดปกติเช่นนี้เกิดขึ้นได้ไม่มาก แต่ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยรถอาจข้ามอัตราทดใดอัตราทดหนึ่งไป เช่น จากเกียร์ 1 แล้วข้ามไปเกียร์ 3 หรือเกียร์วิ่งเฉพาะ 1 ไป 2 และไม่ยอมตัดขึ้นอัตราทดที่สูงกว่าแม้ว่าจะใช้ความเร็วสูงก็ตาม

     5.เกียร์ไม่เข้า - ข้อนี้ถือเป็นฝันร้ายของคนใช้รถเกียร์ออโต้ เพราะถ้าขยับไปตำแหน่งเดินหน้า (D) หรือถอยหลัง (R) แล้วพบว่ารถไม่เคลื่อนที่แม้ว่าเครื่องจะร้อนอยู่แล้วล่ะก็ แสดงว่าเกียร์ลูกนั้นกลับบ้านเก่าไปเรียบร้อยแล้ว

     แนวทางการซ่อมเกียร์อัตโนมัติก็ขึ้นอยู่กับอาการเสียที่พบ ในเบื้องต้นหากมีอาการเพียงเกียร์กระตุกผิดปกติ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์หรือฟอกเกียร์ก็อาจช่วยให้อาการหายไปได้ ทางที่ดีควรหมั่นดูแลระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติอยู่เสมอ หรืออย่างน้อยๆ ก็ควรนำรถเข้าเช็กระยะอยู่เป็นประจำ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลให้อย่างต่อเนื่อง

     กรณีเปลี่ยนอะไหล่ตามอาการเสียที่มักพบได้บ่อย เช่น สมองกลเกียร์, โซลินอยด์, บูชเกียร์ ฯลฯ ซึ่งค่าใช้จ่ายก็แตกต่างกันออกไปตามแต่รุ่น-ยี่ห้อ และอะไหล่ที่ใช้
ส่วนการโอเวอร์ฮอลเกียร์ (Overhaul) เป็นการเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในชุดเกียร์ใหม่ทั้งหมด มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง อาจป้วนเปี้ยนอยู่ที่ราว 30,000 - 50,000 บาทหรือมากกว่านั้น แต่ก็ยังเป็นวิธีที่ถูกกว่าการเบิกเกียร์ลูกใหม่ที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าหลักแสนบาท

     ส่วนการหาเกียร์มือสองตามเชียงกงมาลงแทนนั้น ก็ต้องยอมรับสภาพด้วยเช่นกัน เพราะแทบไม่มีทางรู้เลยว่าเกียร์มือสองที่ซื้อมานั้น จะมีอายุการใช้งานได้อีกมากน้อยแค่ไหนครับ