คัมภีร์ขับรถช่วงหน้าฝน

คัมภีร์ขับรถช่วงหน้าฝน

คัมภีร์ขับรถช่วงหน้าฝน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ผู้ขับขี่ต้องเผชิญกับความท้าทายบนท้องถนนหลากหลายรูปแบบทั้งทัศนวิสัยที่ไม่ชัดเจน พื้นผิวถนนที่เปียกลื่น สิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น และน้ำท่วมขังบนพื้นถนน

 

 

     เชฟโรเลตมีข้อคำแนะนำว่า ไฟหน้าช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้ทั้งตัวคุณและผู้ขับขี่รถคันอื่นได้มองเห็นในสภาพแสงน้อยและฝนตกหนัก ควรเปิดไฟหน้าในสภาวะที่ฝนตกหนัก ผู้ขับขี่ไม่ควรใช้ไฟฉุกเฉินยกเว้นเมื่อจอดรถและต้องการให้รถคันอื่นหลบเลี่ยง ถ้ารถของคุณมีไฟตัดหมอก ควรเปิดใช้งาน

     นอกจากนี้ควรตรวจสอบสภาพใบปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ใบปัดน้ำฝนที่ฉีกขาดหรือเสียหายจะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้เกิดคราบน้ำบนกระจกหน้าจะลดทัศนวิสัยในการขับขี่

     ยางรถยนต์

     ยางรถยนต์ที่มีแรงดันลมมากเกินไปจะทำให้ตัวรถ ลอยตัวเมื่อเคลื่อนที่ การสัมผัสระหว่างหน้ายางและพื้นถนนลดลงทำให้สูญเสียการยึดเกาะ สำหรับยางที่มีแรงดันลมน้อยเกินไปจะทำให้หน้ายางสัมผัสพื้นถนนมากเกินปกติ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการสูญเสียการควบคุมรถบนถนนที่มีน้ำขัง

     ควรตรวจสอบดอกยาง ยางที่ฉีกขาดหรือเสียหายจะไม่สามารถรีดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลเสียต่อการยึดเกาะถนน

 

 

     ไม่ควรใช้ครูซคอนโทรล

     ผู้ขับขี่ไม่ควรใช้ระบบควบคุมความเร็วหรือครูสคอนโทรลบนถนนเปียกลื่น เนื่องจากถ้ายางสูญเสียการยึดเกาะบนถนนที่เปียกลื่น ล้อจะหมุนช้าลงและตัวรถจะชะลอความเร็วลงอย่างต่อเนื่องจนกว่ารอบการหมุนของล้อจะเหมาะสมกับความเร็วที่ใช้งาน ทำให้มีการยึดเกาะถนนตามปกติ แต่ถ้าหากยางสูญเสียการยึดเกาะถนนขณะเปิดใช้งานระบบครูสคอนโทรล ทำหน้าที่ควบคุมความเร็วตัวรถให้คงที่ ระบบดังกล่าวจะตรวจจับว่ามีการชะลอความเร็วและจะเร่งเครื่องยนต์ขึ้น จะทำให้ยางเส้นใดเส้นหนึ่งหรือทั้งหมดสูญเสียการยึดเกาะถนน ส่งผลให้ผู้ขับขี่อาจไม่สามารถควบคุมรถได้

     หากรถสูญเสียการควบคุม ผู้ขับขี่จะรู้สึกว่าพวงมาลัยมีน้ำหนักเบาอย่างกะทันหัน และรถไม่ตอบสนองต่อการควบคุมของพวงมาลัย หรือผู้ขับขี่อาจสังเกตว่ารอบเครื่องยนต์จะเพิ่มขึ้นและลดลงอย่างรวดเร็วโดยที่ความเร็วไม่เพิ่มขึ้น อาการนี้จะมาพร้อมกับการกระตุก เนื่องจากยางสูญเสียการยึดเกาะชั่วขณะ ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายางรถของคุณเริ่มสูญเสียการควบคุมบนถนนที่มีน้ำขัง

 

 

     การขับรถผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขัง

     เมื่อตัวรถเกิดการสูญเสียการควบคุมบนถนนที่มีน้ำขัง ควรลดความเร็วลงด้วยการผ่อนคันเร่งโดยไม่ต้องเหยียบเบรก รอให้ความเร็วลดลงและให้ยางยึดเกาะถนนอีกครั้ง ถ้าหากรถเริ่มลื่นไถล ผู้ขับขี่ควรควบคุมพวงมาลัยไปในทิศทางที่ต้องการให้รถมุ่งไปจนกว่ารถจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ ควรเหยียบคันเร่งด้วยน้ำหนักที่คงที่สม่ำเสมอ การควบคุมรถด้วยความนุ่มนวลจึงนับเป็นปัจจัยสำคัญควรหลีกเลี่ยงการขับรถผ่านถนนที่ไม่สามารถมองเห็นหรือเดินผ่านได้ หรือถนนที่มีน้ำท่วมขังสูงกว่ากึ่งกลางของล้อรถ รถเอสยูวีและรถกระบะขนาดใหญ่สามารถแล่นผ่านถนนที่มีน้ำท่วมสูงกว่ารถยนต์นั่งได้ แต่ควรตรวจสอบว่ารถของคุณสามารถขับขี่ผ่านระดับน้ำได้สูงเท่าใด

     น้ำท่วมขังจะบังสิ่งกีดขวางที่อยู่บนถนน ผู้ขับขี่ไม่สามารถมองเห็น ดังนั้น ถ้าคุณต้องขับขี่ ผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขังขอให้แน่ใจว่าคุณขับอยู่บนถนนและถนนไม่มีความเสียหายใดๆ ขณะเดียวกันควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่คุ้นเคยเนื่องจากอาจมีหลุมที่ลึกเกินกว่าที่รถจะผ่านไปได้

     หากขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ควรขับรถบนกึ่งกลางหรือใกล้กับกึ่งกลางของถนน เนื่องจากระดับน้ำจะต่ำที่สุด ใช้เกียร์ต่ำและรอบเครื่องยนต์สูง ใช้เกียร์หนึ่งหรือเกียร์ "L" ขึ้นอยู่กับประเภทของเกียร์ ควรรักษาความเร็วให้คงที่ ไม่ควรถอนคันเร่งเนื่องจากเครื่องยนต์ที่ลดความเร็วจะทำให้น้ำไหลเข้าสู่ท่อไอเสียและสร้างความเสียหายต่อแคตทาไลติก คอนเวอร์เตอร์

     นอกจากนี้ควรขับรถด้วยความเร็วต่ำมาก เพื่อไม่ให้ที่กรองอากาศด้านหน้ารถดูดน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ ถ้าน้ำไหลเข้าสู่ท่อไอเสียหรือเครื่องยนต์จะส่งผลเสียรุนแรงและมีค่าซ่อมแซมสูง

 

 

     ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าพอสมควรหรือขับรถผ่านน้ำท่วมขังทีละคันเพื่อป้องกันการหยุดรถกลางถนนถ้ารถคันหน้าชะลอความเร็ว ควรระมัดระวังว่าไม่มีรถที่ขับมาจากเส้นทางอื่น เนื่องจากคลื่นของน้ำอาจท่วมรถได้ โดยเฉพาะถ้ารถคันอื่นใช้ความเร็วสูงเกินไป

     เมื่อขับรถผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง ควรย้ำเบรกอย่างนุ่มนวลเป็นระยะ หากผู้ขับขี่มีทักษะสามารถใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกได้ เมื่อรู้สึกว่าเบรกจับตัวแล้วให้กลับมาขับขี่ตามปกติ ควรจอดรถเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีขยะ เช่น ถุงพลาสติกหรือเศษสิ่งของอื่นๆ ติดอยู่ที่กระจังหน้าหรือหม้อน้ำ

     ขอให้ตระหนักว่าน้ำท่วมขังที่สูง 15 ซม. จะถึงระดับใต้ท้องรถยนต์นั่งบางคัน ขณะที่รถยนต์นั่งส่วนใหญ่จะเริ่มลอยตัวในระดับน้ำ 30 ซม. ส่วนระดับน้ำ 60 ซม. จะทำให้รถส่วนใหญ่ รวมถึงเอสยูวีลอยตามน้ำไปได้โดยไม่เกี่ยวกับความเร็วของกระแสน้ำแต่อยู่ที่กำลังและปริมาตร จึงไม่ควรเสี่ยงขับรถผ่านระดับน้ำที่สูงมากดังกล่าว

     หลีกเลี่ยงการเบรกหรือหักเลี้ยวพวงมาลัยกะทันหันเพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัว ควรเบรกก่อนเข้าโค้งและเหยียบคันเร่งออกจากโค้งอย่างนุ่มนวล

 

 

     ขับขี่อยู่บนหรือใกล้กับกลางถนนหรือกึ่งกลางของถนน เนื่องจากน้ำจะไหลลงไปท่วมขังที่ด้านข้าง ควรระมัดระวังผู้ขับขี่รถคันอื่นที่ใช้ความเร็วมากกว่าและปฏิบัติตามกฎหมาย รักษาระยะห่างจากรถคันหน้าเพื่อไม่ให้น้ำกระเซ็นขึ้นมาบนกระจกหน้า จะลดทัศนวิสัยลงได้โดยเฉพาะเมื่อขับตามหลังรถขนาดใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ควรขับตามรอยล้อรถคันหน้าเนื่องจากรอยล้อดังกล่าวจะมีระดับน้ำต่ำกว่าส่วนอื่นๆ ของถนน

     ถ้าฝนเริ่มตกลงมาบนถนนที่แห้งโดยเฉพาะในช่วงที่ฝนตกปรอยๆ เนื่องจากในช่วงที่พื้นถนนแห้งจะมีคราบน้ำมัน (จากท่อไอเสีย น้ำมันรั่วไหล และอื่นๆ) ตกค้างอยู่ บนพื้นผิว ฝนที่โปรยลงมาจะทำให้คราบน้ำมันดังกล่าวลอยขึ้นเคลือบอยู่บนผิวถนน (น้ำมันเบากว่าน้ำ) ส่งผลให้ถนนมีความลื่นสูง เป็นอันตรายอย่างมาก การขับรถบนถนนเช่นนี้บางครั้งจะเหมือนกำลังเล่นสเก๊ตอยู่บนพื้นน้ำแข็ง พื้นผิวถนนจะยังคงความลื่นอยู่ระยะหนึ่งจนกว่าจะถูกชะล้างหรือฝนตกลงมาอย่างหนัก

     ไม่ว่าจะขับขี่ภายใต้สภาพอากาศแบบใดก็ตาม ผู้ขับขี่ควรมองถนนตลอดเวลาและใช้สองมือควบคุมพวงมาลัยอยู่เสมอ

 


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook