LANCER EX 2.0 GT สปอร์ตทั้งคัน ขับมันส์ทุกเส้นทาง
หลังจากพี่จิรายุ ห่วงทรัพย์ ได้ทดสอบเจ้า มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ ไปรอบที่แล้วที่สนามบินดอนเมือง มาคราวนี้นี้ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดทดสอบสมรรถนะการใช้งานจริงบนถนนเส้นทางกรุงเทพฯ- กาญจนบุรีอีกครั้ง พร้อมเยี่ยมชมการดำเนินงานของโรงงานน้ำตาลมิตรผลซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันเอทา นอลรายใหญ่ของประเทศอีกด้วย
การทดสอบคราวนี้ผมได้ขับตัว 2.0 GT พร้อมเติมน้ำมัน E 20 เต็มถังจากปั๊มบางจาก ริมถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา จุดเด่นของคันนี้เริ่มต้นด้วยภายนอกที่ตกแต่งด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน และสปอยเลอร์หลัง เพื่อเพิ่มความดุให้กับเจ้าตัว GT นี้ ในช่วงเช้าเรามุ่งหน้าทางถนนหมายเลข 345 วิ่งไปอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ผ่านบางปลาม้าเลี้ยวซ้ายไปดอนเจดีย์ มุ่งตรงไปทานข้าวเที่ยงกันบนเขื่อนกระเสียว ในอำเภอด่านช้าง ถนนในช่วงนั้นพอจะขับเร็วได้บ้างบางช่วง การออกตัวผมว่าค่อนข้างดี ส่วนอัตราเร่งเยี่ยมมั่นใจทุกครั้งที่เหยียบแป้นคันเร่ง ด้วยเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุด 154 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 198 นิวตัน-เมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที พร้อมระบบเกียร์อัจฉริยะ CVT ที่ติดตั้งระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III แบบ 6 จังหวะ รวมไปถึงฟังก์ชัน Sport Mode ให้การปรับเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและแม่นยำ เหมาะสมในทุกรอบความเร็วของเครื่องยนต์ เรียกได้ว่าถ้าจะแซงใครไม่มีผิดหวังแน่นอน บวกกับภายในห้องโดยสารที่ดูแข็งแรงและโอ่โถงกว้างสบาย เพิ่มอารมณ์สปอร์ตและเสริมความโดดเด่นของห้องโดยสารยิ่งขึ้นด้วยชุดอุปกรณ์ หุ้มหนัง ส่วนเบาะคนนั่งที่ให้ความรู้สึกกระชับตัวเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น
หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จก่อนทดสอบในช่วงต่อไป ผมและเพื่อนสื่อมวลชนได้แวะเข้าชมโรงงานเพโตรกรีน ในกลุ่มน้ำตาลมิตรผล เพื่อเข้าชมการผลิตเอทานอลและชมไร่อ้อยที่นำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตเชื้อ เพลิงในรถยนต์จากเอทานอล
มาถึงในช่วงทดสอบในรอบบ่าย เส้นทางจากอำเภอด่านช้างไปยังอำเภอศรีสวัสดิ์ ผ่านอำเภอสมเด็จเจริญ เข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เส้นทางนี้คดเคี้ยวไปตามไหล่เขาทำให้ได้ใช้สมรรถนะการเข้าโค้งได้เต็มที่ ด้วยวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.0 เมตรกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 215/45R18 เพิ่มการยึดเกาะถนนและการเข้าโค้งนอกจากนี้ ยังเพิ่มความมั่นใจด้วยการติดตั้งเหล็กค้ำโช้กหน้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน การเข้าโค้งเมื่อใช้ความเร็วสูง ทำให้การขับในช่วงบ่ายเปลี่ยนจากความมึนหัวกับเส้นทางที่คดเคี้ยวเป็นความ สนุกในการบังคับพวงมาลัยเข้าโค้งทั้งแบบธรรมดาและแบบหักศอก
ด้วยเวลาในช่วงหน้าหนาวอาจทำให้มืดเร็วกว่าปกติ กว่าผมจะถึงที่พักในเขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ก็มืดแล้ว เลยได้โอกาสลองไฟหน้ารถที่ติดตั้งมาเฉพาะรุ่น GT ที่เพิ่มความสว่างขณะเข้าโค้ง (AFS) ช่วยเพิ่มพื้นที่ในมองเห็นสำหรับการขับขี่ในเวลากลางคืนอีกด้วยครับ
เอทานอล (Ethanol) คือ
แอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งที่มี สูตรเคมี (C2H5OH) ลักษณะเป็นของเหลวใส ไม่มีสี ติดไฟง่าย มีความไวไฟและค่าออกเทนสูง (เอทานอล บริสุทธิ์ร้อยละ 99.8 มีค่าออกเทนสูง 113) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มาก อาทิ ใช้ผลิตอาหาร และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้เป็นเชื้อเพลิง โดยจะมีการผลิตได้ทั้งขบวนการสังเคราะห์ทางเคมี จากการใช้เอทิลีนเป็นวัตถุดิบ และกระบวนการทางชีวเคมีที่ใช้พืชผลหรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่มีแป้ง และน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ได้รับความนิยมเหมาะสม เช่น อ้อย ข้าวโพด ข้าวฟ่าง มันสำปะหลัง เป็นต้น
ส่วนการผลิตเอทานอลจากพืชผลทางการเกษตรมี 2 กระบวนคือ กระบวนการหมัก และ กระบวนการกลั่น เริ่มจากกระบวนการหมัก หมายถึงขั้นตอนการใช้ยีสต์เพื่อเปลี่ยนแอลกอฮอล์หรือเอทานอล ส่วนการกลั่น คือ การนำเอทานอลที่ได้จากการหมักไปกลั่นที่ภาวะสุญญากาศ จะได้เอทานอลที่มีความบริสุทธิ์ร้อยละ 95 โดยปริมาตร จากนั้นจะส่งเข้าสู่กระบวนการแยกน้ำ จะได้เอทานอลที่ความเข้มข้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 99.5 โดยปริมาตร ซึ่งเรียกว่าเอทานอลบริสุทธิ์ หรือเอทานอลไร้น้ำ
มาถึงประโยชน์กันบ้าง เอทานอลจะช่วยพัฒนาสภาพแวดล้อมเนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงที่ไร้สารพิษ เช่น ซัลเฟอร์ และโมเลกุล ของออกซิเจนเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 35 โดยน้ำหนักเมื่อนำมาทำเชื้อเพลิงในรถยนต์ จะเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์กว่าเชื้อเพลิงทั่วไป ระบบเครื่องยนต์ที่ใช้เอทานอลจึงสะอาดกว่าเครื่องยนต์น้ำมันเบนซิน หรือเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซล
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ