“รถยนต์ไฟฟ้า” และ “ปลั๊กอินไฮบริด” ทำยอดขายแซงหน้ารถดีเซลที่ยุโรป
รถยนต์ไฟฟ้า (BEV) และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) สามารถทำยอดขายในเดือนสิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา แซงหน้ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลในตลาดยุโรปได้เป็นครั้งแรก
JATO Europe เผยว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมียอดจำหน่ายในยุโรปรวมกันในเดือนสิงหาคม 2021 ที่ผ่านมาจำนวนทั้งสิ้น 151,737 คัน คิดเป็นสัดส่วน 21% เมื่อเทียบกับรถยนต์ประเภทอื่น ขณะที่รถยนต์ดีเซลมียอดจำหน่ายทั้งสิ้น 141,635 คัน คิดเป็นสัดส่วน 20% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ดีเซลอยู่ในระดับต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
ไม่เพียงเท่านี้ ดูเหมือนว่าความนิยมของรถยนต์กลุ่มพลังงานไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในเดือนสิงหาคมปี 2019 มีสัดส่วนยอดขายเพียง 3% ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 11% ในเดือนสิงหาคมปี 2020 จนกระทั่งแตะระดับ 21% ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สวนทางกับรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั้งเบนซินและดีเซลที่มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ
ถึงกระนั้น ปัจจุบันรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในยุโรปเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน โดยมีส่วนแบ่งสูงถึง 56% ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เนื่องจากรถยนต์เบนซินมักมีราคาต่ำกว่ารถดีเซลเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน แต่แนวโน้มความนิยมก็ค่อยๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
JATO Europe ยังเปิดเผยด้วยว่ารถยนต์ไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดมียอดจำหน่ายสะสมในยุโรปตั้งแต่เดือนมกราคม - สิงหาคม 2022 อยู่ที่ประมาณ 1,320,000 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มียอดจำหน่ายเพียง 158,300 คันเท่านั้น
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดยุโรปในเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย Volkswagen ID.3 ที่มียอดจำหน่าย 7,904 คัน ตามด้วย Tesla Model 3 อยู่ที่ 7,824 คัน และ Volkswagen ID.4 อยู่ที่ 4,624 คัน ส่วนรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) อันดับ 1 คือ Ford Kuga มียอดจำหน่าย 3,512 คัน ตามด้วย Mercedes-Benz GLC อยู่ที่ 2,670 คัน และ BMW 3 Series อยู่ที่ 2,343 คัน
ส่วนบ้านเราก็ถือว่าผู้คนให้ความสนใจกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไม่น้อยทีเดียว
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ