ขับรถชนซูเปอร์คาร์แต่ไม่มีประกัน สรุปใครเป็นคนจ่าย?
หลายคนอาจมองว่าการทำประกันภัยรถยนต์เป็นค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองเกินความจำเป็น เพราะขับรถมาตั้งหลายปีก็ไม่เคยชนใคร จะต้องมาจ่ายค่าเบี้ยประกันหลักพันหรือหลักหมื่นทุกปีทำไมกัน แต่รู้หรือไม่ว่าหากวันหนึ่งเกิดโชคร้ายประสบเหตุขึ้นมาจริงๆ แบบกรณีรถกระบะชนซูเปอร์คาร์ Lamborghini Huracan EVO Spyder มูลค่าเกินกว่า 30 ล้านบาท แบบนี้ใครจะรับผิดชอบ?
โดยปกติแล้วหากรถมีประกันภัยภาคสมัครใจคุ้มครองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นชั้น 1, 2, 2+, 3 หรือ 3+ ก็จะมีวงเงินคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินภายนอกอยู่แล้ว หากความเสียหายของคู่กรณีอยู่ภายในวงเงินดังกล่าว เจ้าของรถฝ่ายผิดก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบริษัทประกันภัยเคลียร์เอาเอง
แต่ไม่ว่าจะเป็นประกันชั้นใดก็ตาม หากความเสียหายที่แท้จริงสูงกว่าวงเงินคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินภายนอก บริษัทประกันภัยจะดำเนินการเรียกเก็บส่วนที่เกินกับเจ้าของรถที่เป็นฝ่ายผิดในภายหลัง ซึ่งหากไม่สามารถชำระเงินส่วนเกินที่เหลือไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็อาจนำไปสู่การฟ้องร้องกลายเป็นคดีความได้
ยกตัวอย่างเช่น กรณีรถยนต์ของนาย A ทำประกันภัยชั้น 3 ที่มีวงเงินคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินภายนอก 600,000 บาท หากนาย A ประสบอุบัติเหตุขับรถชนและเป็นฝ่ายผิด มีค่าเสียหายของคู่กรณีเกิดขึ้นทั้งสิ้น 1,000,000 บาท ภายหลังจากที่การซ่อมรถเสร็จสิ้นแล้ว บริษัทประกันที่นาย A ทำไว้ ก็จะดำเนินการเรียกให้ชดใช้อีก 400,000 บาทที่เหลือนั่นเอง
แต่หากรถของคุณไม่ได้ทำประกันภัยไว้ แล้วเกิดไปชนกับรถที่มีประกันชั้น 1 กรณีนี้บริษัทประกันของคู่กรณีจะดำเนินการซ่อมแซมรถยนต์คันที่เอาประกันภัยให้เสร็จสิ้น จากนั้นจึงจะดำเนินการเรียกชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ยิ่งถ้าหากคู่กรณีทำประกันภัยชั้น 1 แบบซ่อมศูนย์แล้วล่ะก็ ค่าเสียหายที่ต้องชดใช้ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ดังนั้น แม้ว่าคู่กรณีฝ่ายถูกจะไม่เอาความในที่เกิดเหตุ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบริษัทประกันในการดำเนินการต่อ แต่ถ้าฝ่ายผิดไม่มีประกันภัยรถยนต์ ก็จำเป็นจะต้องชดใช้ความเสียหายให้บริษัทประกันภัยของคู่กรณีอยู่ดีครับ