Mercedes-AMG SL 2022 ใหม่ มาพร้อมหลังคาผ้าแบบพับได้ มีเฉพาะรุ่น AMG เท่านั้น

     Mercedes-AMG SL 2022 ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ชูจุดเด่นด้วยการหันกลับไปใช้หลังคาผ้าที่มีน้ำหนักเบา และวางจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG เท่านั้น

     รถสปอร์ตเปิดประทุนตระกูล SL ของ Mercedes-Benz ถูกวางจำหน่ายมาอย่างยาวนานเกือบ 70 ปี โดยเจเนอเรชันล่าสุดถูกใช้รหัสว่า R232 ซึ่งยังคงรักษาเอกลักษณ์รถโรดสเตอร์เปิดประทุนขนาด 2+2 ที่นั่งเอาไว้ ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนหน้าตาให้ดูโฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด ผสานเข้ากับไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT LED ที่มีรูปลักษณ์คล้ายกับรุ่น CLS และไฟท้ายรูปทรงคุ้นตา

     จุดเด่นของ Mercedes-AMG SL R232 ใหม่ อยู่ที่การหันไปใช้หลังคาพับได้ทำจากวัสดุผ้า 3 ชั้น ส่งผลให้มีน้ำหนักเบาลงถึง 21 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับหลังคาแข็ง ส่งผลให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลง และยังสามารถเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าได้ในเวลาเพียง 15 วินาที ที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ส่วนที่เปิดประตูด้านข้างยังถูกออกแบบให้เรียบไปกับตัวถัง และจะยกขึ้นเมื่อปลดล็อกตัวรถแบบเดียวกับที่พบใน S-Class โฉมปัจจุบัน

     บริเวณฝากระโปรงท้ายของ Mercedes-AMG SL ยังถูกติดตั้งสปอยเลอร์แบบไฟฟ้าที่สามารถปรับได้ 6 ระดับ พร้อมปลายท่อไอเสียแบบ 4 ท่อเป็นมาตรฐาน ขณะที่ช่องดักลมด้านหน้าถูกติดตั้งระบบ AIRPANEL ที่มีลักษณะเป็นครีบเปิด-ปิดได้อัตโนมัติเพื่อการระบายความร้อนของเครื่องยนต์หรือลดแรงเสียดทานให้ต่ำลง รวมถึงระบบ AIRSCARF สำหรับเป่าลมอุ่นไปยังศีรษะและต้นคอของผู้โดยสารขณะเปิดประทุน เป็นต้น

     ด้านขุมพลังของ Mercedes-AMG SL ในช่วงแรกสามารถเลือกได้ 2 รุ่น ประกอบด้วย SL 55 4MATIC+ ติดตั้งเครื่องยนต์ V8 biturbo ความจุ 4.0 ลิตร ที่พัฒนาแบบ “One Man, One Engine” ให้กำลังสูงสุด 476 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 700 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 295 กม./ชม.

     ขณะที่รุ่น SL 63 4MATIC+ ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันแต่เพิ่มกำลังสูงสุดขึ้นเป็น 585 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ในรอบเครื่องยนต์ต่ำเพียง 2,500 - 4,500 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 315 กม./ชม. ทั้งคู่ใช้ระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G ที่ปรับจูนมาสำหรับรุ่น SL โดยเฉพาะ

     นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังมีระบบปรับโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ที่สามารถปรับได้ 6 โหมดตามการใช้งาน ประกอบด้วย Slippery, Comfort, Sport, Sport+, Individual และ RACE (ในรุ่น SL 55 4MATIC+ เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องสั่งซื้อเพิ่ม) พร้อมด้วยระบบเลี้ยวล้อหลัง Active Rear-axle Steering เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งจะปรับองศาล้อคู่หลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อคู่หน้าที่ความเร็วต่ำกว่า 100 กม./ชม. เพื่อเพิ่มความคล่องตัวที่ความเร็วต่ำ และปรับไปในทิศทางเดียวกันที่ความเร็ว 100 กม./ชม. ขึ้นไป เพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้อย่างฉับไว

     ในรุ่น SL 63 4MATIC+ ยังมาพร้อมระบบช่วงล่าง AMG ACTIVE RIDE CONTROL เป็นครั้งแรก ซึ่งใช้ระบบกันโคลงแบบไฮดรอลิกที่ช่วยลดการโคลงตัวในขณะเข้าโค้ง ควบคู่ไปกับการนุ่มสบายขณะขับอยู่บนทางตรงหรือผ่านลูกระนาด

     ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในประเทศไทยจะมีขึ้นอีกครั้งในภายหลัง