หนูเข้าห้องเครื่อง เลี้ยงแมวดีไหม?
สัปดาห์ก่อน “พี่จุ๊บจิ๊บ” โปรดิวเซอร์สาวแห่งรายการพี่บอกแล้วนะ ทาง Podcast คนต้นคิด เดินมาบ่นอุบกับผมว่า รถคันใหม่ของแกที่จอดไว้ที่บ้านช่วง WFH โดน “หนู” เล่นงานสายไฟในห้องเครื่องเข้าให้แล้ว
แกเลยถามว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะจัดการกับปัญหานี้ให้หมดไป เลยตอบไปว่า “เลี้ยงแมวเลยพี่” ล้อเล่นนะครับ (ฮา ๆ) จริง ๆ เรื่องนี้เป็นปัญหากวนใจคนใช้รถทั่วโลกเลยนะครับ และผมเชื่อว่าคนใช้รถส่วนใหญ่น่าจะเคยเจอ
ผมเคยไปเจอกับ ผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอล ระดับผู้บริหารทีมแชมป์ไทยลีก ที่ศูนย์เบนซ์แห่งหนึ่งย่านแจ้งวัฒนะแบบบังเอิญ วันนั้นแกเข้ามาเพื่อรับรถ เมอร์เซเดส CLS ที่นำมาซ่อมทิ้งไว้ จากสาเหตุหนูกัดสายไฟในห้องเครื่อง งานนั้นค่าซ่อมเป็นแสน!
นอกจากนี้ก็เคยมีข่าวว่ารถยุโรปยี่ห้อหนึ่งขับ ๆ ไปแล้วไฟไหม้ ซึ่งสาเหตุที่คาดก็มาจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะหนูเข้าไปกัดสายไฟก็มีมาแล้ว เห็นไหมครับมองดูผ่าน ๆ อาจเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าใครโดนเข้าไป เรื่องใหญ่แน่นอน
ทีนี้ทางแก้ควรทำอย่างไร หากลองเสิร์ชในอินเตอร์เน็ต ปัจจุบัน มีสเปรย์ไล่หนู่สำหรับพ่นห้องเครื่องขวดละไม่เกิน 200 บาท รวมถึงยังมีเครื่องส่งสัญญาณไล่หนูราคาพันกว่าบาทมีขายออนไลน์เพียบ
สเปรย์โอเคเลยครับ แต่เครื่องไล่หนูผมว่าแพงไป ถ้ามันได้เข้าไปครั้งหนึ่งแล้ว มันจะจำกลิ่นได้ และจะเข้าไปอีก ฉะนั้นหากโดนจู่โจมแล้ว (สังเกตเวลาเปิดกระโปรงหน้า จะเห็นรอยเท้าที่ห้องเครื่อง) ให้ล้างห้องเครื่องพร้อมฉีดสเปรย์ให้ไม่เหลือกลิ่นเดิม
ข้อสำคัญเวลาจอดรถ ควรจอดหันหน้าออก ไม่ควรให้หน้ารถเป็นมุมอับ เพราะหนูมันจะชอบที่อับ ๆ มืด ๆ รวมถึงเปิดไฟโรงรถในช่วงกลางคืนก็พอจะช่วยได้ หรือหากจอดในที่รั้วรอบขอบชิด จะเปิดฝากกระโปรงหน้าทิ้งไว้ก็ไม่ว่ากันครับ
จากนั้นซื้อกาวดักหนูหรือกรงดักหนู มาวางไว้ใต้รถบริเวณห้องเครื่อง เบื้องต้นน่าจะพอช่วยได้ครับ ส่วนจะลงทุนซื้อแมวมาเลี้ยงเพื่อไล่จับหนู คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นนะครับ
ผมเคยเห็นมากับตา หนูยุคนี้ตัวใหญ่ใหญ่กว่าแมว! และแมววิ่งหนีหนูมาแล้ว (ฮา ๆ) ผมเห็นจริง ๆ นะครับ