แพ็กเกจลดภาษี-หั่นราคารถยนต์ไฟฟ้า มาไม่ทัน 1 ม.ค. 65 นี้
ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่วงการยานยนต์ เมื่อบอร์ดอีวีหรือคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้า ประกาศเตรียมมอบของขวัญให้คนไทยในช่วงปีใหม่ 2565 ด้วยการออกแพ็กเกจลดภาษี-หั่นราคารถพลังไฟฟ้า ทว่าน่าเสียดายครับที่ของขวัญดังกล่าวมาไม่ทัน 1 ม.ค. นี้
จริง ๆ แล้วแนวทางการลดภาษีรถไฟฟ้าล้วนมีมาต่อเนื่องเป็นระยะนะครับ แต่ก็ไม่เป็นรูปธรรมสักที จนมีแพ็กเกจจากบอร์ดอีวีที่เตรียมเสนอเข้าครม. ที่ผมมองว่า “เออ ต้องแบบนี้สิ ถ้าจะสนับสนุนให้คนไทยหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าจริง ๆ” โดยเฉพาะเงินอุดหนุนจากภาครัฐระดับ 4 หมื่นล้านบาท
สรุปแบบรวดเร็วถึงแพ็กเกจที่ว่านี้ เอาแบบเข้าใจง่ายที่สุดก็คือ หากเป็นรถ EV ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ผู้ซื้อจะได้ส่วนลดสูงสุดประมาณ 5 แสนบาท ส่วนรถ EV ที่ราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป ผู้ซื้อจะได้ส่วนลดสูงสุดประมาณ 7-8 แสนบาทเลยทีเดียว พร้อมวางเป้าให้คนไทยหันใช้รถอีวีให้ครบ 300,000 คัน ภายใน 5 ปี
งานนี้มีการวิเคราะห์กันว่าแนวทางการลดภาษี-ลดราคารถ EV ใครจะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะรถพลังงานไฟฟ้าล้วนในบ้านเรามีอยู่หลายระดับ ทั้งที่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย รวมถึงที่นำเข้ามาโดยบริษัทนำเข้าอิสระหรือที่เรียกกันว่า เกรย์ มาร์เก็ต
แต่ในมุมมองผมถ้าแพ็กเกจนี้เกิดขึ้นได้จริง ผมคิดว่าน่าจะ “วิน-วิน” ทั้งค่ายรถและผู้ซื้อนะครับ แม้ปัจจุบันหากเราไล่ดูรถอีวี เฉพาะที่ราคาจับต้องได้ ไม่รวมรถอีวีแบรนด์หรูค่ายยุโรป และสหรัฐฯ ที่นำเข้ามาราคาทะลุ 4-5 ล้านบาท ก็ต้องบอกว่ายังมีตัวผู้เล่นในตลาดอยู่ไม่กี่เจ้าเท่านั้น
ยี่ห้อที่เข้าสู่ตลาดอีวีในบ้านเราตอนนี้ก็จะมีนิสสัน, เอ็มจี และค่ายรถจีนอย่าง Great Wall Motor ที่ปลุกกระแสรถไฟฟ้าได้มากพอสมควรจากรถ ORA Good Cat ส่วน FOMM ONE ผมขออนุญาตไม่นับรวมนะครับ เพราะเป็นรถไฟฟ้าไซส์เล็กที่ใช้งานได้ไม่เหมือน 3 ยี่ห้อแรก
อย่างไรก็ดีข่าวล่าสุดก่อนปีใหม่ มีรายงานว่าบอร์ดอีวี ได้เลื่อนเสนอแพ็กเกจดังกล่าวในที่ประชุมครม. ออกไปเป็นช่วงต้นปี 2565 เนื่องจากการดำเนินการนำเสนอยังไม่เรียบร้อย! ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่เงินอุดหนุนจากภาครัฐระดับ 4 หมื่นล้านบาท ว่าจะต้องมีที่มา-ที่ไปอย่างไร
เอาเป็นว่าแม้ “แพ็กเกจ EV” ที่บอร์ดอีวี เตรียมมอบเป็นของขวัญปีใหม่จะยังมาไม่ทัน แต่ถ้าดูจากรายละเอียดมันคือแนวทางที่ถูกต้องกับการก้าวสู่ยุคเปลี่ยนผ่านของรถเครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถพลังงานไฟฟ้า ซึ่งถึงจะมาช้าก็ดีกว่าไม่มาเลย
ในยุคเปลี่ยนผ่านแบบนี้ รถอีวีที่ออกมาวิ่งบนถนนบ้านเราก็ต้องยอมรับว่ายังไม่เสถียรแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ฉะนั้นภาครัฐคือส่วนสำคัญที่จะเข้ามาสร้างความมั่นใจให้กับทั้งค่ายผู้ผลิตรถและคนใช้รถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ “ราคา” ครับ
ฉะนั้นคงต้องมาลุ้นกันในช่วงต้นปีหน้าครับ แล้วพบกันใหม่ในปี 2565 กราบสวัสดีปีใหม่ทุกท่านด้วยครับ
ผู้เขียน: ธันยเดช เกียรติศิริ