BMW iX M60 ใหม่ รถไฟฟ้าตัวโหด 619 แรงม้า ทำ 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที

     BMW iX M60 ใหม่ ตัวแรงในตระกูล iX เผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ว พกขุมพลังไฟฟ้ากำลังสูงสุด 619 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที พร้อมระยะทางขับขี่ไกลสุด 566 กิโลเมตร

     BMW iX M60 ใหม่ ถูกวางให้เป็นรถยนต์ในกลุ่ม Sports Activity Vehicle (SAV) ของตระกูล BMW M โดยมีสมรรถนะสูงกว่า iX xDrive50 ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 619 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,015 นิวตัน-เมตร หรือเพิ่มเป็น 1,100 นิวตัน-เมตร เมื่อออกตัวในโหมด Launch Control เทียบกับ iX xDrive50 ที่มีกำลังสูงสุด 523 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 765 นิวตัน-เมตร

     BMW iX M60 สามารถทำอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งจนถึง 100 กม./ชม. ได้ในระดับน้องๆ ซูเปอร์คาร์เพียง 3.8 วินาทีเท่านั้น ส่วนความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. (เทียบกับ iX xDrive50 ที่ทำอัตราเร่งในเวลา 4.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม.) ขณะที่แบตเตอรี่ของ iX M60 สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 566 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้งตามมาตรฐาน WLTP (iX xDrive50 วิ่งได้ราว 630 กิโลเมตรภายใต้มาตรฐานการทดสอบเดียวกัน)

     BMW iX M60 มีการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาลงในจุดต่างๆ ของตัวรถ เช่น หลังคา ตัวถังด้านข้างและด้านท้าย รวมถึงการใช้โครงสร้างทำจากวัสดุอะลูมิเนียม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดน้ำหนักลงในเวลาเดียวกัน พร้อมทั้งติดตั้งแบตเตอรี่แรงดันสูงบริเวณใต้พื้นรถ ส่งผลให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำและสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดายตามฉบับ BMW M

     นอกจากนี้ ภายนอกของ BMW iX M60 ยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยการติดตั้งแพ็คเกจตกแต่ง BMW Individual Titanium Bronze Exterior Line พร้อมสัญลักษณ์ M สี High Gloss Black/Titanium Bronze บริเวณด้านข้างและด้านท้าย เสริมด้วยคาลิเปอร์เบรกแบบสปอร์ตสีน้ำเงินที่มีสัญลักษณ์ M และล้อขนาด 22 นิ้ว ที่สามารถตกแต่งด้วยสี Titanium Bronze ได้

     ภายในห้องโดยสารของ iX M60 ถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ BMW Curved Display พร้อมระบบ BMW OS 8.0, แผนที่นำทางระบบคลาวด์ BMW Maps System พร้อม Augmented Reality Video, ระบบดาต้าแบบ 5G ที่สามารถเชื่อมต่อผ่าน Personal eSIM, ระบบ BMW Live Cockpit Professional, ไฟหน้า BMW Laser Light, ระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins และระบบช่วยเหลือการขับขี่อีกมากมาย เป็นต้น

     ส่วนการวางจำหน่ายจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 เป็นต้นไป