รีวิว All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ ไม่ว้าวอย่างที่คิด แต่ “กลมกล่อม” อย่างที่คาด
รีวิว All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ แม้ว่าครอสโอเวอร์โฉมใหม่นี้จะไม่ถึงกับทำให้ใครหลายคนร้อง “ว้าว” เหมือนกับโฉมที่แล้ว แต่ก็มีความ “กลมกล่อม” อย่างที่หาไม่ได้ในรถพิกัดเดียวกันอีกหลายรุ่นจนเรียกได้ว่ามันเป็นรถที่น่าใช้ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดขณะนี้
ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของรถยนต์คอมแพ็กครอสโอเวอร์กำลังมาแรงจนฉุดไม่อยู่ จนทำให้หลายค่ายทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ร่วมลงมาแจมในตลาดนี้กันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งแต่ละค่ายก็ต่างควักจุดขายสารพัดเพื่อเรียกกระแสในตลาด โดยเฉพาะการโหมออปชันแน่นเอี๊ยดหรือเล่นกลยุทธ์ด้านราคากันแบบไม่บันยะบันยัง จนทำให้ใครหลายคนกล้าเปิดใจรับแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีในท้องตลาดกันมากขึ้น
ขณะที่ฮอนด้าเองก็ถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดครอสโอเวอร์ในประเทศไทย และสร้างกระแสรถประเภทนี้ให้เฟื่องฟูมาจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าฮอนด้ายังคงจะต้องรักษาตัวตนและคุณสมบัติที่ดีเอาไว้ ไม่ปล่อยให้มีบางอย่างมากจนเกินไปหรือน้อยเกินไป จนได้เป็นความกลมกล่อมลงตัวท่ามกลางตลาดที่ดุเดือดในปัจจุบัน
สำหรับ All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่
- รุ่น e:HEV E
- รุ่น e:HEV EL
- รุ่น e:HEV RS
ภายนอก
รูปลักษณ์ของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี 2022 ใหม่ มีการปรับเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่เน้นความโค้งมนกลมกลึง กลับกลายมาเป็นเส้นสายที่ดูเฉียบคมแข็งแรงมากขึ้น โดยคันที่เราทดสอบเป็นรุ่น e:HEV RS ที่มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครันที่สุด ได้แก่ ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และยังเป็นรุ่นเดียวที่ได้ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential เสริมด้วยระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติและไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไม่ว่าจะเลือกรุ่นย่อยใดก็จะมีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Honda SENSING มาให้ด้วย
ขณะที่ด้านท้ายถูกติดตั้งไฟท้าย LED Light Strip ที่เชื่อมไฟทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกัน โดยความพิเศษในรุ่น RS จะเป็นสี Smoke อมเทา ซึ่งจะเปล่งประกายเป็นสีแดงเมื่อไฟสว่างขึ้นเท่านั้น เสริมลูกเล่นด้วยหลังคาสีดำตัดกับสีตัวถัง อีกทั้งยังเพิ่มชุดแต่ง RS สีดำรอบคัน ประดับสัญลักษณ์ RS สีแดงบริเวณกระจังหน้าและประตูท้าย พร้อมล้อลอยสีเทาดำขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์เฉพาะรุ่น RS เท่านั้น
จุดสำคัญอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาของรุ่น RS ก็คือหลังคากระจกแบบพาโนรามา ซึ่งกลายเป็นดราม่าร้อนแรงนับตั้งแต่ยังไม่ประกาศราคา เพราะรุ่นที่แล้วให้หลังคาซันรูฟแบบเปิด-ปิดได้ แต่คราวนี้กลายเป็นเพียงกระจกบานใหญ่ที่ออกแบบให้มีลักษณะตายตัวเป็นชุดเดียวกับหลังคาเท่านั้น ซึ่งข้อดีของหลังคาชนิดนี้ คือ ช่วยให้วิศวกรสามารถออกแบบหลังคากระจกให้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องซ่อนกลไกเปิด-ปิดหลังคาให้เสียพื้นที่ แต่ข้อเสียก็คือการที่มันไม่สามารถเปิด-ปิดได้นั่นแหละ
ไม่เพียงเท่านี้ หลังคากระจกในส่วนที่อยู่เหนือศีรษะของผู้โดยสารด้านยังมีม่านที่พอจะเลื่อนเปิด-ปิดได้ (ด้วยระบบมือ) แต่ด้านหลังกลับออกแบบให้เป็นแผงบังแดด 2 ชิ้น ที่ต้องถอดประกอบด้วยตัวเอง ซึ่งดูไม่ค่อยจะสะดวกต่อการใช้งานเท่าไหร่นัก แถมเท่าที่ดูก็ไม่มีส่วนใดในรถที่ออกแบบมาเพื่อเก็บแผงบังแดดที่ว่านี้โดยเฉพาะ ทำได้เพียงแค่เก็บใส่ซองแล้ววางไว้ท้ายรถดื้อๆ กันไปเลยเท่านั้น
อันที่จริงดีไซน์ของรุ่น EL ซึ่งเป็นตัวรองท็อปก็ดูสวยงามไปอีกแบบ โดยส่วนตัวผู้เขียนกลับรู้สึกชอบการตกแต่งของรุ่น EL มากกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ ดีไซน์กันชนหน้า-หลังที่ดูเรียบๆ คลีนๆ และล้ออัลลอยแบบ 6 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว ที่ดูเผินๆ ก็สปอร์ตไปอีกแบบ ในราคาที่ถูกลง 100,000 บาทพอดิบพอดี แต่ก็แลกมาด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่น้อยกว่ารุ่น RS เช่นกัน
ภายใน
ห้องโดยสารของ Honda HR-V มีกลิ่นอายของ Accord และ Civic รุ่นปัจจุบัน ด้วยแนวคิดที่ต้องการเน้นความเรียบง่ายแต่หรูหรายิ่งขึ้น โดยรุ่น RS จะถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำทั้งหมดแม้กระทั่งเพดานเหนือศีรษะ เสริมลูกเล่นด้วยตะเข็บสีแดงบริเวณเบาะนั่งและแผงคอนโซล โดยยังคงพื้นที่กว้างขวางนั่งสบาย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ฮอนด้าถนัดยิ่งกว่าใครๆ
เบาะนั่งของรุ่น RS หุ้มด้วยวัสดุหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ ทั้งยังเป็นรุ่นเดียวที่สามารถปรับไฟฟ้าฝั่งผู้ขับขี่ 8 ทิศทาง ส่วนฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าเป็นแบบปรับมือ 4 ทิศทางทุกรุ่นย่อย โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ทั้งยังสามารถปรับพับได้หลากหลายรูปแบบเพื่อขยายพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย
แผงคอนโซลกลางโดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว Advanced Touch ซึ่งจะมีลักษณะเป็น Head unit ทั้งชิ้น ไม่ใช่หน้าจอแบบลอยตัวอย่างที่พบในรุ่น Civic โดยเครื่องเสียงชุดนี้รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านช่อง USB ได้ เสริมด้วยช่อง USB สำหรับชาร์จไฟอีก 1 จุดด้านหน้า และอีก 2 จุดด้านหลัง รวมเป็นทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน โดยที่รุ่น RS เป็นเพียงรุ่นเดียวที่มีระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT ติดตั้งมาให้จากโรงงาน พร้อมด้วยลำโพงรอบห้องโดยสาร 8 ตำแหน่ง ซึ่งให้เสียงเบสหนักแน่นตามสไตล์ฮอนด้า
พวงมาลัยของรุ่น RS เป็นแบบหุ้มหนังพร้อมตกแต่งด้วยสีดำเงา โดยปุ่มควบคุมฝั่งซ้ายจะใช้สำหรับระบบเครื่องเสียงและรับ-วางสายโทรศัพท์ ปุ่มควบคุมฝั่งขวาใช้สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC) ขณะที่ปลายก้านไฟเลี้ยวจะเป็นปุ่มเปิด-ปิดระบบแสดงภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch โดยที่รุ่น RS มีทั้งระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติมาให้ตามมาตรฐานของรถราคาระดับนี้
นอกจากนี้ บริเวณพวงมาลัยของรุ่น RS ยังมีปุ่มช่วยชะลอความเร็วรถ หรือ Deceleration Paddle Selectors ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์เหมือนกับรถทั่วไป แต่ไม่ใช่! เพราะปุ่มที่ว่านี้ถูกออกแบบมาสำหรับช่วยลดความเร็วของตัวรถ โดยจะเป็นการเลือกปริมาณการชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ไฮบริด ยิ่งกดฝั่งลบมากเท่าไหร่ตัวรถยิ่งหน่วงความเร็วลงมากขึ้น ซึ่งการหน่วงที่ว่านี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาปล่อยเท้าออกจากคันเร่งเท่านั้น เพื่อใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการลดความเร็วคล้ายกับเอนจิ้นเบรก เหมาะสำหรับใช้งานขณะขับรถลงเขา จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการลดความเร็วมากยิ่งขึ้น
ส่วนระบบปรับอากาศจะเป็นแบบอัตโนมัติ (มีให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น) ตกแต่งด้วยปุ่มสีเงินกัดลายให้ความรู้สึกพรีเมียมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมด้วยช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง โดยความพิเศษของระบบปรับอากาศใน HR-V ใหม่ คือจะมีช่องเป่าลมเย็นรูปตัว L ติดตั้งอยู่บริเวณช่องแอร์ด้านนอกทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งระบุว่าจะช่วยให้ลมเย็นไม่ปะทะกับร่างกายโดยตรง ช่วยให้รู้สึกสบายตัวขึ้น โดยหากต้องการให้ลมออกทางช่องแอร์ที่ว่านี้ ให้ทำการหมุนปุ่มสีเงินไปยังตำแหน่ง 12 นาฬิกา ก็จะเป็นการกั้นลมแอร์จากช่องปกติมาออกทางช่องรูปตัว L แทน ซึ่งเท่าที่ทดลองก็บอกได้ว่าเหมาะสำหรับสาวๆ ขี้หนาวเสียมากกว่า เพราะเมื่อหนุ่มๆ ลองใช้แล้วกลับรู้สึกว่าช่องแอร์ปกตินั่นแหละดีที่สุด ยิ่งถ้าขับรถช่วงกลางวันที่แดดเปรี้ยงๆ ด้วยล่ะก็ ขอลมเย็นแรงๆ ซัดเข้าร่างกายดีกว่า
อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ของรุ่น RS ยังมีให้แบบครบๆ เช่น ระบบกุญแจอัจฉริยะ Honda Smart Key System, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ One Push Ignition System, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Brake Hold, มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว, ระบบชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charger, ไฟอ่านแผนที่แบบ LED, ไฟอ่านหนังสือสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบ LED ที่สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบสัมผัส, แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าและไฟส่องสว่าง เป็นต้น
ด้านระบบความปลอดภัยถือเป็นไฮไลท์เด่นของ All-new Honda HR-V ใหม่ เพราะได้มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูง Honda SENSING มาให้เหมือนกันทั้งหมดตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ประกอบด้วย
- ระบบเตือนการชนพร้อมช่วยเบรก (CBMS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW)
- ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF)
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN)
- ระบบไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
ขณะที่อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานอื่นก็มีให้แบบเต็มพิกัดตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นเช่นกัน เช่น ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA, ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ AHA, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง เป็นต้น
นอกจากนี้ Honda HR-V ใหม่ ยังมีระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ หรือ Walk Away Auto Lock ซึ่งสามารถตั้งค่าให้ล็อกประตูรถอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างจากตัวรถได้ รวมถึงกรณีเปิดประตูท้ายแบบไฟฟ้า ก็สามารถกดปุ่มด้านขวาบนประตูท้าย (ที่มีรูปคนอยู่ด้วย) จากนั้นประตูจะยังไม่ปิดในทันที แต่จะปิดก็ต่อเมื่อผู้ที่ถือกุญแจเดินออกจากตัวรถไปแล้ว โดยจะปิดลงเองพร้อมล็อกประตูให้อัตโนมัติ สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องหิ้วของพะรุงพะรังออกจากรถ จะได้ไม่ต้องมาคอยกดปุ่มปิดอีกครั้งในขณะที่ถือของอยู่เต็มมือ ถึงกระนั้นประตูท้ายของ HR-V ก็มีเซ็นเซอร์เปิด-ปิดบริเวณเท้ามาให้ด้วยเช่นกัน
เครื่องยนต์
ขุมพลังของ Honda HR-V ใหม่ เป็นเครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ i-VTEC ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT สามารถรองรับน้ำมันทางเลือก E20 ได้
นอกจากนี้ Honda HR-V ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ ประกอบด้วย ECON, NORMAL และ SPORT
การขับขี่
การตอบสนองของ All-new Honda HR-V เป็นไปในแบบรถยนต์ไฮบริดทั่วไป คือจะออกตัวจากจุดหยุดนิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จากนั้นเครื่องยนต์จะติดขึ้นเพื่อเข้ามาเสริมกำลัง โดยขุมพลัง e:HEV ให้แรงดึงแบบนิ่มๆ ไม่ถึงกับจี๊ดจ๊าดแบบ Civic ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ แต่ทว่าก็ฉุดให้ตัวรถเพิ่มความเร็วไปแตะระดับ 100 กม./ชม. ในเวลาเพียงอึดใจเท่านั้น
โดยการตอบสนองในช่วงความเร็ว 0-80 กม./ชม. ทำได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวเป็นพิเศษ ขณะที่พวงมาลัยก็ให้ความคมอย่างที่คาดหวัง มีน้ำหนักเบาขณะที่ใช้ความเร็วต่ำ และจะเพิ่มน้ำหนักตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น สามารถลัดเลาะไปตามการจราจรได้อย่างสนุกสนานและมั่นใจ
จุดเด่นที่สำคัญของ Honda HR-V ใหม่ อยู่ที่การปรับปรุงช่วงล่างดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่มีอาการแข็งกระด้างที่ความเร็วต่ำ แต่ดันมาออกอาการโคลงย้วยที่ความเร็วสูง มาคราวนี้กลับให้ความรู้สึกแน่นหนึบกว่าเดิมอย่างชัดเจน สามารถเก็บแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี และยังคงรักษาอาการในขณะเข้าโค้งได้ดีเช่นกัน แม้ว่าจะใช้ความเร็วแตะระดับ 120 กม./ชม. ก็ยังคงให้ความมั่นใจในการควบคุมได้เป็นอย่างดี
ส่วนหลังคาแบบกระจกในรุ่น RS ที่ใครกลัวว่าจะร้อนศีรษะก็ไม่ต้องกังวล เพราะเท่าที่ทดสอบท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยงตลอดทางนั้น พบว่าความร้อนที่แผ่เข้ามายังห้องโดยสารไม่ต่างอะไรกับหลังคาปกติอย่างมีนัยสำคัญ เว้นแต่ถ้าเปิดม่านกรองแสงก็จะมีความร้อนเข้ามาบ้างเป็นเรื่องปกติ
ซึ่งอันที่จริงการออกแบบชุดหลังคากระจกในรุ่น RS นี้ แม้ว่าจะไม่สามารถเปิด-ปิดตัวกระจกได้เหมือนกับซันรูฟทั่วไป แต่การที่มันปราศจากกลไกต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเปิด-ปิดกระจกนั้น ก็ช่วยให้ห้องโดยสารโปร่งสบายมากกว่าเมื่อเทียบกับรถที่มีซันรูฟแบบปกติ แถมยังช่วยให้พื้นที่กระจกมีขนาดกว้างขึ้นอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นการออกแบบให้ใช้แผ่นบังแดด 2 ชิ้นเหนือศีรษะผู้โดยสารตอนหลัง แทนที่จะเป็นม่านเลื่อนเปิด-ปิดแบบด้านหน้า ก็ดูไม่ใช่เรื่องที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริงสักเท่าใดนัก
สรุป
All-new Honda HR-V ใหม่ ถูกปรับปรุงดีขึ้นแทบทุกด้าน ทั้งเรื่องของขุมพลัง e:HEV ที่แรงกว่าเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเดิมอย่างเห็นได้ชัด, ช่วงล่างที่แน่นหนึบ ซับแรงสะเทือนได้ดี, ห้องโดยสารที่ใช้วัสดุพรีเมียมดูหรูหรา รวมถึงการติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda SENSING มาให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น แม้ว่าความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนจะชอบงานดีไซน์ของรุ่นที่แล้วมากกว่า แต่ HR-V โฉมใหม่ ก็เป็นรถที่ตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดีแทบทุกด้าน จนเรียกได้ว่าเป็นรถที่กลมกล่อมลงตัวอย่างที่คาดหวังจากแบรนด์ฮอนด้าอยู่แล้ว
ราคาจำหน่าย All-new Honda HR-V 2022 ใหม่
- รุ่น e:HEV E ราคา 979,000 บาท
- รุ่น e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท
- รุ่น e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท (รุ่นที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้)
อัลบั้มภาพ 31 ภาพ