รีวิว All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ ไม่ว้าวอย่างที่คิด แต่ “กลมกล่อม” อย่างที่คาด

รีวิว All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ ไม่ว้าวอย่างที่คิด แต่ “กลมกล่อม” อย่างที่คาด

รีวิว All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ ไม่ว้าวอย่างที่คิด แต่ “กลมกล่อม” อย่างที่คาด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     รีวิว All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ แม้ว่าครอสโอเวอร์โฉมใหม่นี้จะไม่ถึงกับทำให้ใครหลายคนร้อง “ว้าว” เหมือนกับโฉมที่แล้ว แต่ก็มีความ “กลมกล่อม” อย่างที่หาไม่ได้ในรถพิกัดเดียวกันอีกหลายรุ่นจนเรียกได้ว่ามันเป็นรถที่น่าใช้ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดขณะนี้

honda_hrv_34

     ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของรถยนต์คอมแพ็กครอสโอเวอร์กำลังมาแรงจนฉุดไม่อยู่ จนทำให้หลายค่ายทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ร่วมลงมาแจมในตลาดนี้กันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งแต่ละค่ายก็ต่างควักจุดขายสารพัดเพื่อเรียกกระแสในตลาด โดยเฉพาะการโหมออปชันแน่นเอี๊ยดหรือเล่นกลยุทธ์ด้านราคากันแบบไม่บันยะบันยัง จนทำให้ใครหลายคนกล้าเปิดใจรับแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีในท้องตลาดกันมากขึ้น

     ขณะที่ฮอนด้าเองก็ถือเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดครอสโอเวอร์ในประเทศไทย และสร้างกระแสรถประเภทนี้ให้เฟื่องฟูมาจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าฮอนด้ายังคงจะต้องรักษาตัวตนและคุณสมบัติที่ดีเอาไว้ ไม่ปล่อยให้มีบางอย่างมากจนเกินไปหรือน้อยเกินไป จนได้เป็นความกลมกล่อมลงตัวท่ามกลางตลาดที่ดุเดือดในปัจจุบัน

     สำหรับ All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่น e:HEV E
  • รุ่น e:HEV EL
  • รุ่น e:HEV RS

ภายนอก

     รูปลักษณ์ของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี 2022 ใหม่ มีการปรับเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่เน้นความโค้งมนกลมกลึง กลับกลายมาเป็นเส้นสายที่ดูเฉียบคมแข็งแรงมากขึ้น โดยคันที่เราทดสอบเป็นรุ่น e:HEV RS ที่มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานครบครันที่สุด ได้แก่ ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และยังเป็นรุ่นเดียวที่ได้ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential เสริมด้วยระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติและไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED และไม่ว่าจะเลือกรุ่นย่อยใดก็จะมีระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Honda SENSING มาให้ด้วย

honda_hrv_32

     ขณะที่ด้านท้ายถูกติดตั้งไฟท้าย LED Light Strip ที่เชื่อมไฟทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกัน โดยความพิเศษในรุ่น RS จะเป็นสี Smoke อมเทา ซึ่งจะเปล่งประกายเป็นสีแดงเมื่อไฟสว่างขึ้นเท่านั้น เสริมลูกเล่นด้วยหลังคาสีดำตัดกับสีตัวถัง อีกทั้งยังเพิ่มชุดแต่ง RS สีดำรอบคัน ประดับสัญลักษณ์ RS สีแดงบริเวณกระจังหน้าและประตูท้าย พร้อมล้อลอยสีเทาดำขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์เฉพาะรุ่น RS เท่านั้น

honda_hrv_31

     จุดสำคัญอีกอย่างที่เพิ่มขึ้นมาของรุ่น RS ก็คือหลังคากระจกแบบพาโนรามา ซึ่งกลายเป็นดราม่าร้อนแรงนับตั้งแต่ยังไม่ประกาศราคา เพราะรุ่นที่แล้วให้หลังคาซันรูฟแบบเปิด-ปิดได้ แต่คราวนี้กลายเป็นเพียงกระจกบานใหญ่ที่ออกแบบให้มีลักษณะตายตัวเป็นชุดเดียวกับหลังคาเท่านั้น ซึ่งข้อดีของหลังคาชนิดนี้ คือ ช่วยให้วิศวกรสามารถออกแบบหลังคากระจกให้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องซ่อนกลไกเปิด-ปิดหลังคาให้เสียพื้นที่ แต่ข้อเสียก็คือการที่มันไม่สามารถเปิด-ปิดได้นั่นแหละ

     ไม่เพียงเท่านี้ หลังคากระจกในส่วนที่อยู่เหนือศีรษะของผู้โดยสารด้านยังมีม่านที่พอจะเลื่อนเปิด-ปิดได้ (ด้วยระบบมือ) แต่ด้านหลังกลับออกแบบให้เป็นแผงบังแดด 2 ชิ้น ที่ต้องถอดประกอบด้วยตัวเอง ซึ่งดูไม่ค่อยจะสะดวกต่อการใช้งานเท่าไหร่นัก แถมเท่าที่ดูก็ไม่มีส่วนใดในรถที่ออกแบบมาเพื่อเก็บแผงบังแดดที่ว่านี้โดยเฉพาะ ทำได้เพียงแค่เก็บใส่ซองแล้ววางไว้ท้ายรถดื้อๆ กันไปเลยเท่านั้น

honda_hrv_22

     อันที่จริงดีไซน์ของรุ่น EL ซึ่งเป็นตัวรองท็อปก็ดูสวยงามไปอีกแบบ โดยส่วนตัวผู้เขียนกลับรู้สึกชอบการตกแต่งของรุ่น EL มากกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถ ดีไซน์กันชนหน้า-หลังที่ดูเรียบๆ คลีนๆ และล้ออัลลอยแบบ 6 ก้าน ขนาด 17 นิ้ว ที่ดูเผินๆ ก็สปอร์ตไปอีกแบบ ในราคาที่ถูกลง 100,000 บาทพอดิบพอดี แต่ก็แลกมาด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่น้อยกว่ารุ่น RS เช่นกัน

ภายใน

     ห้องโดยสารของ Honda HR-V มีกลิ่นอายของ Accord และ Civic รุ่นปัจจุบัน ด้วยแนวคิดที่ต้องการเน้นความเรียบง่ายแต่หรูหรายิ่งขึ้น โดยรุ่น RS จะถูกตกแต่งด้วยโทนสีดำทั้งหมดแม้กระทั่งเพดานเหนือศีรษะ เสริมลูกเล่นด้วยตะเข็บสีแดงบริเวณเบาะนั่งและแผงคอนโซล โดยยังคงพื้นที่กว้างขวางนั่งสบาย ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ฮอนด้าถนัดยิ่งกว่าใครๆ

interior

     เบาะนั่งของรุ่น RS หุ้มด้วยวัสดุหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ ทั้งยังเป็นรุ่นเดียวที่สามารถปรับไฟฟ้าฝั่งผู้ขับขี่ 8 ทิศทาง ส่วนฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าเป็นแบบปรับมือ 4 ทิศทางทุกรุ่นย่อย โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ทั้งยังสามารถปรับพับได้หลากหลายรูปแบบเพื่อขยายพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย

     แผงคอนโซลกลางโดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว Advanced Touch ซึ่งจะมีลักษณะเป็น Head unit ทั้งชิ้น ไม่ใช่หน้าจอแบบลอยตัวอย่างที่พบในรุ่น Civic โดยเครื่องเสียงชุดนี้รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านช่อง USB ได้ เสริมด้วยช่อง USB สำหรับชาร์จไฟอีก 1 จุดด้านหน้า และอีก 2 จุดด้านหลัง รวมเป็นทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน โดยที่รุ่น RS เป็นเพียงรุ่นเดียวที่มีระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT ติดตั้งมาให้จากโรงงาน พร้อมด้วยลำโพงรอบห้องโดยสาร 8 ตำแหน่ง ซึ่งให้เสียงเบสหนักแน่นตามสไตล์ฮอนด้า

honda_hrv_17

     พวงมาลัยของรุ่น RS เป็นแบบหุ้มหนังพร้อมตกแต่งด้วยสีดำเงา โดยปุ่มควบคุมฝั่งซ้ายจะใช้สำหรับระบบเครื่องเสียงและรับ-วางสายโทรศัพท์ ปุ่มควบคุมฝั่งขวาใช้สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (ACC) ขณะที่ปลายก้านไฟเลี้ยวจะเป็นปุ่มเปิด-ปิดระบบแสดงภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch โดยที่รุ่น RS มีทั้งระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติมาให้ตามมาตรฐานของรถราคาระดับนี้

     นอกจากนี้ บริเวณพวงมาลัยของรุ่น RS ยังมีปุ่มช่วยชะลอความเร็วรถ หรือ Deceleration Paddle Selectors ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นปุ่มเลือกตำแหน่งเกียร์เหมือนกับรถทั่วไป แต่ไม่ใช่! เพราะปุ่มที่ว่านี้ถูกออกแบบมาสำหรับช่วยลดความเร็วของตัวรถ โดยจะเป็นการเลือกปริมาณการชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ไฮบริด ยิ่งกดฝั่งลบมากเท่าไหร่ตัวรถยิ่งหน่วงความเร็วลงมากขึ้น ซึ่งการหน่วงที่ว่านี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาปล่อยเท้าออกจากคันเร่งเท่านั้น เพื่อใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการลดความเร็วคล้ายกับเอนจิ้นเบรก เหมาะสำหรับใช้งานขณะขับรถลงเขา จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการลดความเร็วมากยิ่งขึ้น

honda_hrv_15

     ส่วนระบบปรับอากาศจะเป็นแบบอัตโนมัติ (มีให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น) ตกแต่งด้วยปุ่มสีเงินกัดลายให้ความรู้สึกพรีเมียมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมด้วยช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง โดยความพิเศษของระบบปรับอากาศใน HR-V ใหม่ คือจะมีช่องเป่าลมเย็นรูปตัว L ติดตั้งอยู่บริเวณช่องแอร์ด้านนอกทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งระบุว่าจะช่วยให้ลมเย็นไม่ปะทะกับร่างกายโดยตรง ช่วยให้รู้สึกสบายตัวขึ้น โดยหากต้องการให้ลมออกทางช่องแอร์ที่ว่านี้ ให้ทำการหมุนปุ่มสีเงินไปยังตำแหน่ง 12 นาฬิกา ก็จะเป็นการกั้นลมแอร์จากช่องปกติมาออกทางช่องรูปตัว L แทน ซึ่งเท่าที่ทดลองก็บอกได้ว่าเหมาะสำหรับสาวๆ ขี้หนาวเสียมากกว่า เพราะเมื่อหนุ่มๆ ลองใช้แล้วกลับรู้สึกว่าช่องแอร์ปกตินั่นแหละดีที่สุด ยิ่งถ้าขับรถช่วงกลางวันที่แดดเปรี้ยงๆ ด้วยล่ะก็ ขอลมเย็นแรงๆ ซัดเข้าร่างกายดีกว่า

     อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ของรุ่น RS ยังมีให้แบบครบๆ เช่น ระบบกุญแจอัจฉริยะ Honda Smart Key System, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ One Push Ignition System, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Brake Hold, มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอ TFT ขนาด 7 นิ้ว, ระบบชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charger, ไฟอ่านแผนที่แบบ LED, ไฟอ่านหนังสือสำหรับผู้โดยสารตอนหลังแบบ LED ที่สามารถเปิด-ปิดด้วยระบบสัมผัส, แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าและไฟส่องสว่าง เป็นต้น

honda_hrv_09

     ด้านระบบความปลอดภัยถือเป็นไฮไลท์เด่นของ All-new Honda HR-V ใหม่ เพราะได้มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยขั้นสูง Honda SENSING มาให้เหมือนกันทั้งหมดตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ประกอบด้วย

  • ระบบเตือนการชนพร้อมช่วยเบรก (CBMS)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW)
  • ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF)
  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN)
  • ระบบไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)

     ขณะที่อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานอื่นก็มีให้แบบเต็มพิกัดตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นเช่นกัน เช่น ระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA, ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA, ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, ระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ AHA, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมด้านข้าง เป็นต้น

honda_hrv_19

     นอกจากนี้ Honda HR-V ใหม่ ยังมีระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ หรือ Walk Away Auto Lock ซึ่งสามารถตั้งค่าให้ล็อกประตูรถอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างจากตัวรถได้ รวมถึงกรณีเปิดประตูท้ายแบบไฟฟ้า ก็สามารถกดปุ่มด้านขวาบนประตูท้าย (ที่มีรูปคนอยู่ด้วย) จากนั้นประตูจะยังไม่ปิดในทันที แต่จะปิดก็ต่อเมื่อผู้ที่ถือกุญแจเดินออกจากตัวรถไปแล้ว โดยจะปิดลงเองพร้อมล็อกประตูให้อัตโนมัติ สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องหิ้วของพะรุงพะรังออกจากรถ จะได้ไม่ต้องมาคอยกดปุ่มปิดอีกครั้งในขณะที่ถือของอยู่เต็มมือ ถึงกระนั้นประตูท้ายของ HR-V ก็มีเซ็นเซอร์เปิด-ปิดบริเวณเท้ามาให้ด้วยเช่นกัน

เครื่องยนต์

     ขุมพลังของ Honda HR-V ใหม่ เป็นเครื่องยนต์ไฮบริด e:HEV ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ i-VTEC ความจุ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 127 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT สามารถรองรับน้ำมันทางเลือก E20 ได้

honda_hrv_02

     นอกจากนี้ Honda HR-V ยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 รูปแบบ ประกอบด้วย ECON, NORMAL และ SPORT

การขับขี่

     การตอบสนองของ All-new Honda HR-V เป็นไปในแบบรถยนต์ไฮบริดทั่วไป คือจะออกตัวจากจุดหยุดนิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า จากนั้นเครื่องยนต์จะติดขึ้นเพื่อเข้ามาเสริมกำลัง โดยขุมพลัง e:HEV ให้แรงดึงแบบนิ่มๆ ไม่ถึงกับจี๊ดจ๊าดแบบ Civic ที่ใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ แต่ทว่าก็ฉุดให้ตัวรถเพิ่มความเร็วไปแตะระดับ 100 กม./ชม. ในเวลาเพียงอึดใจเท่านั้น

honda_hrv_rolling02

     โดยการตอบสนองในช่วงความเร็ว 0-80 กม./ชม. ทำได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองที่ต้องการความคล่องตัวเป็นพิเศษ ขณะที่พวงมาลัยก็ให้ความคมอย่างที่คาดหวัง มีน้ำหนักเบาขณะที่ใช้ความเร็วต่ำ และจะเพิ่มน้ำหนักตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น สามารถลัดเลาะไปตามการจราจรได้อย่างสนุกสนานและมั่นใจ

     จุดเด่นที่สำคัญของ Honda HR-V ใหม่ อยู่ที่การปรับปรุงช่วงล่างดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมที่มีอาการแข็งกระด้างที่ความเร็วต่ำ แต่ดันมาออกอาการโคลงย้วยที่ความเร็วสูง มาคราวนี้กลับให้ความรู้สึกแน่นหนึบกว่าเดิมอย่างชัดเจน สามารถเก็บแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี และยังคงรักษาอาการในขณะเข้าโค้งได้ดีเช่นกัน แม้ว่าจะใช้ความเร็วแตะระดับ 120 กม./ชม. ก็ยังคงให้ความมั่นใจในการควบคุมได้เป็นอย่างดี

honda_hrv_rolling01

     ส่วนหลังคาแบบกระจกในรุ่น RS ที่ใครกลัวว่าจะร้อนศีรษะก็ไม่ต้องกังวล เพราะเท่าที่ทดสอบท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยงตลอดทางนั้น พบว่าความร้อนที่แผ่เข้ามายังห้องโดยสารไม่ต่างอะไรกับหลังคาปกติอย่างมีนัยสำคัญ เว้นแต่ถ้าเปิดม่านกรองแสงก็จะมีความร้อนเข้ามาบ้างเป็นเรื่องปกติ

     ซึ่งอันที่จริงการออกแบบชุดหลังคากระจกในรุ่น RS นี้ แม้ว่าจะไม่สามารถเปิด-ปิดตัวกระจกได้เหมือนกับซันรูฟทั่วไป แต่การที่มันปราศจากกลไกต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเปิด-ปิดกระจกนั้น ก็ช่วยให้ห้องโดยสารโปร่งสบายมากกว่าเมื่อเทียบกับรถที่มีซันรูฟแบบปกติ แถมยังช่วยให้พื้นที่กระจกมีขนาดกว้างขึ้นอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นการออกแบบให้ใช้แผ่นบังแดด 2 ชิ้นเหนือศีรษะผู้โดยสารตอนหลัง แทนที่จะเป็นม่านเลื่อนเปิด-ปิดแบบด้านหน้า ก็ดูไม่ใช่เรื่องที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริงสักเท่าใดนัก

สรุป

     All-new Honda HR-V ใหม่ ถูกปรับปรุงดีขึ้นแทบทุกด้าน ทั้งเรื่องของขุมพลัง e:HEV ที่แรงกว่าเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเดิมอย่างเห็นได้ชัด, ช่วงล่างที่แน่นหนึบ ซับแรงสะเทือนได้ดี, ห้องโดยสารที่ใช้วัสดุพรีเมียมดูหรูหรา รวมถึงการติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda SENSING มาให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น แม้ว่าความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนจะชอบงานดีไซน์ของรุ่นที่แล้วมากกว่า แต่ HR-V โฉมใหม่ ก็เป็นรถที่ตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดีแทบทุกด้าน จนเรียกได้ว่าเป็นรถที่กลมกล่อมลงตัวอย่างที่คาดหวังจากแบรนด์ฮอนด้าอยู่แล้ว

honda_hrv_27

ราคาจำหน่าย All-new Honda HR-V 2022 ใหม่

  • รุ่น e:HEV E ราคา 979,000 บาท
  • รุ่น e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท
  • รุ่น e:HEV RS ราคา 1,179,000 บาท (รุ่นที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้)

อัลบั้มภาพ 31 ภาพ

อัลบั้มภาพ 31 ภาพ ของ รีวิว All-new Honda HR-V 2022 ใหม่ ไม่ว้าวอย่างที่คิด แต่ “กลมกล่อม” อย่างที่คาด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook