แค่มี "บีเอ็มฯ" หรือ "เมอร์เซเดส-เบนซ์" ขับไปไหนก็ไม่ต้องวนหาที่จอด?

แค่มี "บีเอ็มฯ" หรือ "เมอร์เซเดส-เบนซ์" ขับไปไหนก็ไม่ต้องวนหาที่จอด?

แค่มี "บีเอ็มฯ" หรือ "เมอร์เซเดส-เบนซ์" ขับไปไหนก็ไม่ต้องวนหาที่จอด?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ใครเคยประสบปัญหาขับรถเข้าห้างแล้วต้องวนหาที่จอดจนเมื่อยกันบ้างครับ ปัญหานี้จะหมดไป หากรถที่คุณขับวนอยู่นั้นเป็น บีเอ็มดับเบิลยู หรือ เมอร์เซเดส-เบนซ์!

     นี่คือความจริงของสังคมไทยรวมถึงทั่วโลกด้วย เพราะผมเชื่อว่าทุกอย่างบนโลกใบนี้ มันไม่มีความเท่าเทียมหรอกครับ และยี่ห้อรถยนต์ คือสิ่งที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของคนขับ โดยเฉพาะสายตาจากคนภายนอก

     สมัยเด็ก ๆ เวลาได้นั่งรถเบนซ์ 280E รหัส W114 ของคุณลุง ไปไหนมาไหนรู้สึกได้รับการบริการดีเหลือเกินครับ มาถึงยุคนี้ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม ฉะนั้นเรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมมานานแล้ว

     รุ่นพี่ที่ผมรู้จักเล่าให้ฟังว่า นับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้เบนซ์ C350e ชีวิตง่ายขึ้นมาก ขับไปไหนพี่รปภ. คอยอำนวยความสะดวกให้ตลอด เช่นเดียวกับรุ่นพี่อีกคนหนึ่งที่บอกว่าปัญหาเรื่องการวนหาที่จอดลดลงมาก หลังจากเปลี่ยนมาใช้ BMW

     ลองสังเกตได้เลยครับ ตามที่จอดรถบนห้าง บริเวณหัวมุม หรือแถวสุดท้ายที่ปกติเขาไม่ได้ตีเส้นให้รถจอด มักจะมีรถแบรนด์หรู ๆ ได้จอดอยู่เป็นประจำ นี่ยังไม่นับรถระดับซูเปอร์คาร์ ที่ห้างดัง ๆ จัดที่จอด VIP เอาไว้ให้แยกต่างหากนะครับ

luxury_cars_02

     เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่งที่ทำธุรกิจขายของแบรนด์เนมเล่าให้ฟังว่า ปกติเขาก็ขับรถ MG ใช้งานแบบปกติโดยที่ไม่ได้คิดอะไร ทว่าช่วงหลัง ๆ มา เวลานัดรับของ ลูกค้ามักจะถามว่าจอดรถตรงไหน ขับรถอะไร ซึ่งปฏิกิริยาของลูกค้าแต่ละคนก็ดูออกเมื่อมองมาที่รถของเขา

     เพื่อนผมคนนี้ก็เลยตัดสินใจซื้อ BMW 320d ปี 2016 มือสอง ในราคาล้านกลาง ๆ มาขับ และนับจากนั้นมาชีวิตดีขึ้นเยอะครับ ทั้งเรื่องของภาพลักษณ์และธุรกิจที่เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือจากลูกค้าที่มองเข้ามา รวมถึงความสะดวกสบายเมื่อขับรถไปตามสถานที่ต่าง ๆ

     ฟังราคาไม่ผิดแน่นอนครับ 320d อายุการใช้งานแค่ 4 ปี ในราคาระดับนี้ ที่สำคัญเป็นการซื้อผ่านศูนย์บีเอ็มดับเบิลยูที่มีการรับประกัน และยังมีแพ็กเกจบริการดูแลบำรุงรักษา (BSI) เหลือให้ใช้บริการเสียด้วย

     มาถึงตรงนี้ผมไม่ได้สนับสนุนให้หันมาใช้รถยุโรปแบรนด์ดัง หรือแอนตี้รถค่ายเอเชียอะไรนะครับ เพราะไม่ว่าจะใช้รถรุ่นไหน หากเจ้าของสบายใจซะอย่างทุกอย่างเป็นอันจบ ส่วนเรื่องของคนอื่นที่มองเข้ามา เราห้ามเขาไม่ได้อยู่แล้ว

     รวมถึงอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนยังแย้งว่ารถญี่ปุ่นยุคนี้เทียบเท่ารถยุโรปได้สบาย บอกเลยว่าไม่ใช่แน่นอน เพราะ “คุณภาพ” กับ “ราคา” มันเป็นสิ่งที่มาคู่กันจริง ๆ หากใครเคยได้สัมผัส จะรู้ได้ทันทีถึงความแตกต่างของมัน

     ส่วนเรื่องของภาพลักษณ์และสิทธิพิเศษอื่น ๆ มันก็มาจากการที่เราได้จ่ายเงินซื้อของแพงไปแล้วนั่นเองครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook