อย่างสวย! All-new Ford Everest 2023 ใหม่ เผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก
All-new Ford Everest 2023 ใหม่ ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล Turbo/Bi-Turbo 2.0 ลิตร มีลุ้นวางขายในไทยปลายปีนี้
All-new Ford Everest 2023 ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานเดียวกับ All-new Ranger ที่ถูกเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Sport, Titanium+ และ Platinum ขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละประเทศ มาพร้อมฐานล้อที่มีขนาดยาวขึ้น 50 มม. รวมถึงระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้าและหลังที่กว้างขึ้น ตั้งเป้าจับกลุ่มลูกค้าที่รักการผจญภัย ชอบเดินทางไปกับครอบครัวและเพื่อนฝูง รองรับทั้งการใช้งานในเมืองและนอกเมือง
ดีไซน์ด้านหน้าของ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ ถูกถอดแบบมาจาก เรนเจอร์ ด้วยไฟหน้า Matrix LED รูปทรงตัว C และกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มาพร้อมเส้นสายตัวถังที่เน้นความบึกบึน และดีไซน์ด้านท้ายที่ออกแบบต่างไปจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน สามารถลุยน้ำได้ลึกสุด 800 มม. และรองรับน้ำหนักลากจูงสูงสุด 3,500 กิโลกรัม ขณะที่ราวหลังคารองรับน้ำหนักได้มากสุด 350 กิโลกรัมในขณะรถจอดอยู่กับที่ และ 100 กิโลกรัมขณะรถเคลื่อนที่ พร้อมจุดยึดเพื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง สามารถปรับอุณหภูมิและระบายอากาศได้ พร้อมระบบจดจำการตั้งค่าส่วนตัวทั้งสองตำแหน่ง ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 2 ยังมีระบบปรับอุณหภูมิ (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) สามารถปรับเลื่อนและพับแยกแบบ 60:40 ได้ ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 ถูกออกแบบให้เข้า-ออกได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม สามารถปรับพับแยก 50:50 ด้วยระบบไฟฟ้า รวมถึงมีช่องเก็บสัมภาระและช่องจ่ายไฟมาให้ครบทั้ง 3 แถว
Ford Everest ใหม่ ยังถูกติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 8 นิ้ว หรือ 12.4 นิ้ว พร้อมหน้าจอสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ทำงานคู่กับระบบเชื่อมต่อ SYNC 4A รองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อควบคุมโทรศัพท์, ระบบความบันเทิง และข้อมูลต่างๆ รวมถึงแอปพลิเคชัน FordPass ที่มีฟีเจอร์สตาร์ทเครื่องยนต์จากระยะไกล, ตรวจเช็กสถานะต่างๆ ของรถ และควบคุมล็อกประตูผ่านสมาร์ทโฟนได้
ด้านขุมพลังของ All-new Ford Everest 2023 ใหม่ ชูไฮไลท์เด่นด้วยเครื่องยนต์ดีเซล V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร วางจำหน่ายควบคู่ไปกับเครื่องยนต์ดีเซล Turbo และ Bi-Turbo ขนาด 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบ Selective 10 สปีด
นอกจากนี้ Ford Everest 2023 ใหม่ ยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบพาร์ทไทม์ Electronic Shift-On-The-Fly และแบบฟูลไทม์ พร้อมเกียร์ทรานสเฟอร์แบบ 2 จังหวะ (On-Demand Two-Speed Electromechanical Transfer Case - EMTC) ควบคุมด้วยไฟฟ้า และมีโหมดการขับขี่ตามสภาพถนน สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่แบบออฟโรดบนหน้าจอ ทั้งกล้องด้านหน้าพร้อมเส้นกะระยะ, ระบบส่งกำลังและระบบล็อกเฟืองท้าย, มุมพวงมาลัย และระดับความเอียงของรถ
ด้านระบบความปลอดภัยมีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (ขึ้นอยู่กับตลาดแต่ละประเทศ) ประกอบด้วย ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (Adaptive Cruise Control with Stop and Go), ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน Stop and Go และควบคุมรถให้อยู่กลางช่องทาง (Adaptive Cruise Control with Stop and Go and Lane Centering) และระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัจฉริยะ (Intelligent adaptive Cruise Control)
นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่เพิ่มเติมจากรุ่นเดิม เช่น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางผสานระบบตรวจจับขอบถนน (Lane-keeping system with road-edge detection), ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive steer assist), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Reverse brake assist), ระบบตรวจจับรถในจุดบอดครอบคลุมส่วนต่อพ่วง (Blind spot information system with trailer coverage) และระบบป้องกันการชนเพื่อป้องกันการชนบริเวณทางแยก (Pre-collision assist with intersection functionality) รวมถึงระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ใหม่ล่าสุดที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์, คันเร่ง และเบรกเองได้
ทั้งนี้ คาดว่า All-new Ford Everest 2023 ใหม่ อาจถูกเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงปลายปี 2565 นี้ ก่อนจะตามมาด้วยรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.3 EcoBoost สำหรับตลาดบางประเทศในภายปี 2566 เป็นต้นไป
อัลบั้มภาพ 27 ภาพ