จอดรถอย่างไรไม่ให้มีแผล!

     คุณเคยมีประสบการณ์จอดรถไว้ในลานจอดแล้วมีแผลโดยไม่รู้ที่มาที่ไป หาคู่กรณีไม่ได้กันบ้างหรือไม่

     ผมคนหนึ่งครับที่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ครั้งที่จำแม่นที่สุดคือการจอดรถค้างคืนที่ลาดจอดสนามบินสุวรรณภูมิ มีบาดแผลที่กันชนหน้า ทั้งที่เราจอดเข้าซองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย! สันนิษฐานน่าจะมาจากรถตีโค้งไม่พ้นแล้วเบียดกันชนหน้าขวารถของผมจนเป็นรอย

     ที่ยุ่งยากไปกว่านั้นคือ เราจะต้องไปแจ้งความกับตำรวจเสียก่อน แล้วจึงจะมีสิทธิ์ไปขอดูกล้องวงจรปิดในลานจอดได้ ว่าคู่กรณีเป็นใคร ซึ่งในตอนนั้นผมเองไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น เลยตัดสินใจปล่อยเลยตามเลย แล้วไปเสียค่า excess ตอนเคลมประกันเอาเอง แม้รถจะเป็นประกันชั้น 1 ก็ตาม

     ฉะนั้นในสัปดาห์นี้ ผมจึงพยายามนึกหาวิธีการจอดรถอย่างไรให้ไม่มีแผลมาฝากกัน แต่ออกตัวไว้ก่อนนะครับว่ามันอาจจะไม่ได้ผลแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อว่าต้องมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย

     เลี่ยงจอดซ้อนคัน : ตามมารยาทของการจอดซ้อนคัน จะต้องปลดเกียร์ว่าง และไม่ขึ้นเบรกมือ (เว้นรถยุโรปบางรุ่นที่ปลดเกียร์ N ไม่ได้) ฉะนั้นแน่นอนว่ารถของคุณจะต้องโดนเข็น โดนดันอยู่ตลอดเวลา ยิ่งในลาดจอดสาธารณะ อาทิ สถานีบีทีเอสหมอชิตแล้วล่ะก็ เคยเห็นกับตาครับ มีรถกระบะขับดันรถที่จอดซ้อนคันมาแล้ว!

     เลี่ยงจอดคันแรกหรือหัวมุม : แม้เราจะเข้าซองเรียบร้อย แต่รถที่จอดเป็นคันแรก หรือหัวโค้ง ก็มีโอกาสที่จะถูกเสยได้เช่นกัน อย่างผมที่เคยโดนมาแล้ว ฉะนั้นถ้าเลี่ยงได้ ก็ควรเลี่ยงคับ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็ทำได้อย่างเดียวครับ ภาวนาอย่าให้มีรถมาโดน (ฮา ๆ)

     จอดติดเสา : ตามห้างจะมีเสาต้นใหญ่เป็นแนวลานจอดรถ หากมีที่ว่างที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเป็นเสา ก็ควรถอยเข้าจอดทันทีครับ เพราะเป็นการลดความเสี่ยงจากรถคันข้าง ๆ อย่างน้อยก็ลดความเสี่ยงลงได้ 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวล่ะครับ

     เข้าซองให้กลางที่สุด : บ่อยครั้งที่มีรถจอดเข้าซอง แล้วเบ้ซ้าย ไม่ก็เบ้ขวา ทำให้รถคันอื่น ๆ ที่จอดตามพลอยต้องจอดกินที่คันอื่นไปเรื่อย ฉะนั้นยึดหลักพระพุทธเจ้าเลยครับ คือ ทางสายกลาง!

     อย่าจอดทับที่คนอื่น : ข้อสุดท้าย ผมเองก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วเช่นกัน กับการไปจอดทับที่คนอื่น (คาดว่าจะเป็นเจ้าถิ่น) ถึงขนาดโดนปล่อยลมยางมาแล้ว ฉะนั้นก่อนจอดควรสังเกตให้ดีว่าไปทับที่ใครหรือไม่ ควรหาที่จอดที่เหมาะ ๆ จะดีกว่า อาจจะเดินไกลหน่อย แต่ปลอดภัยกว่าเยอะครับ

     ทั้งหมดนี้คือวิธีการที่ผมพอจะนึกออกนะครับ เพื่อที่จะทำให้รถของคุณเก่าช้าลงตรงตามหัวของคอลัมน์นี้ ส่วนใครมีไอเดียอื่น ๆ กระฉูดกว่านี้ ก็นำเสนอกันเข้ามาได้เลยนะคร้าบ