ข่าวดี! ขนส่งฯ หั่นภาษี “รถยนต์ไฟฟ้า” ถูกกว่ารถน้ำมัน-มอเตอร์ไซค์จ่ายครึ่งเดียว

ข่าวดี! ขนส่งฯ หั่นภาษี “รถยนต์ไฟฟ้า” ถูกกว่ารถน้ำมัน-มอเตอร์ไซค์จ่ายครึ่งเดียว

ข่าวดี! ขนส่งฯ หั่นภาษี “รถยนต์ไฟฟ้า” ถูกกว่ารถน้ำมัน-มอเตอร์ไซค์จ่ายครึ่งเดียว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     กรมการขนส่งทางบกจูงใจประชาชนให้หันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ลดภาษีประจำปีรถยนต์ไฟฟ้าต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถนำมาจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานบนท้องถนนร่วมกับรถประเภทอื่นได้อย่างปลอดภัย

     นางสิริรัตน์ วีรวิศาล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกจึงมีนโยบายสนับสนุนการใช้รถที่ใช้พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ด้วยการจัดเก็บอัตราภาษีรถประจำปีในอัตราที่ต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมทั้งกำหนดคุณสมบัติของกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า ความเร็วขั้นต่ำ รวมถึงส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของรถที่จะจดทะเบียน ซึ่งจะต้องมีความมั่นคงแข็งแรง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานบนท้องถนนร่วมกับรถประเภทอื่นได้อย่างปลอดภัย โดยมีรายละเอียดดังนี้

    - รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์บริการธุรกิจ รถยนต์บริการทัศนาจร รถยนต์บริการให้เช่า รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 15 กิโลวัตต์ และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง

     - รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบพิเศษที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 100 กิโลวัตต์ โดยจะต้องติดเครื่องหมาย “e” หรือมีการกำหนดรหัสหรือรุ่นของผู้ผลิตที่แสดงถึงการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนรถไว้บริเวณท้ายรถอย่างถาวรและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

     - รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้างที่มีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าหรือความเร็วสูงสุดไม่เป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้น ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยจะต้องติดเครื่องหมาย “s” ไว้บริเวณท้ายรถอย่างถาวรและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน

     - รถยนต์รับจ้างสามล้อและรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ และวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง

     - รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ แต่ไม่เกิน 4 กิโลวัตต์ และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง

     ทั้งนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าของรถทุกประเภทข้างต้นจะต้องขับเคลื่อนรถรวมน้ำหนักบรรทุกด้วยความเร็วสูงสุดตามที่กำหนดได้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30 นาที

dlt_ev_01

     นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าเมื่อจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกแล้ว จะเสียภาษีรถประจำปีในอัตราภาษีต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยหากเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน (รถเก๋ง) ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จะจัดเก็บภาษีตามน้ำหนักของรถตามรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน (รถตู้) เช่น รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,510 กิโลกรัม เสียภาษีรถประจำปีตามน้ำหนักของรถตู้ ในอัตราคันละ 1,300 บาท ต่างจากกรณีรถเก๋งที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะมีการจัดเก็บตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี)

     ส่วนรถตู้ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จะจัดเก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่ง เช่น รถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เสียภาษีรถประจำปีคันละ 100 บาท แต่รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า จะเสียภาษีประจำปีในอัตราคันละ 50 บาท

     ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดของรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถนำมาจดทะเบียนและอัตราภาษีรถประเภทต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ของกรมการขนส่งทางบก www.dlt.go.th

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ ข่าวดี! ขนส่งฯ หั่นภาษี “รถยนต์ไฟฟ้า” ถูกกว่ารถน้ำมัน-มอเตอร์ไซค์จ่ายครึ่งเดียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook