รีวิว Mazda3 2.0 SP รุ่นปี 2022 ใหม่ เพิ่มออปชันหรูขึ้นในราคาเท่าเดิม
Mazda3 เป็นหนึ่งในรถกลุ่ม C-segment เพียงไม่กี่รุ่นที่ยังคงยืนหยัดวางจำหน่ายในประเทศไทย แม้ว่าในด้านยอดขายคงจะไปสู้กับแบรนด์เจ้าตลาดไม่ไหว แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Mazda3 เป็นทางเลือกที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครอง ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโดดเด่น ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างประณีตราวกับรถยนต์หรู รวมถึงภาพลักษณ์ของผู้ครอบครองที่สะท้อนถึงความแตกต่างไม่เหมือนใคร
มาวันนี้ Mazda3 ได้รับการปรับโฉมย่อยรุ่นปี 2022 ที่แม้ว่ารูปลักษณ์จะยังคงเดิม แต่ก็ได้เพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานแน่นเอี้ยดตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น โดยยังราคาจำหน่ายเอาไว้เท่าเดิมทุกรุ่นย่อย จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้างไปดูกันเลยครับ
Mazda3 รุ่นปี 2022 ใหม่ ยังคงมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย โดยแบ่งออกเป็นตัวถังซีดาน 4 ประตู และฟาสต์แบ็ก 5 ประตู ซึ่งแต่ละรุ่นมีอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นสรุปง่ายๆ ได้ดังนี้
รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports
- ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ LED
- ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Lamp แบบ Signature
- ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS
- ไฟท้ายแบบ LED Signature
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง
- กล้องมองหลัง
รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า
- แป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift
- ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS
รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports
- หลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า
- ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS (Cruising & Traffic Support)
อันที่จริงทริปทดสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของคาราวานมาสด้า ที่นำเอารถยนต์มาสด้าเกือบทุกรุ่นมาให้สื่อมวลชนได้ทดสอบกัน โดยคันที่ Sanook Auto ได้ทดสอบขับในครั้งนี้เป็น Mazda3 2.0 SP ตัวถังซีดาน 4 ประตู พร้อมด้วยสีใหม่ที่เรียกว่าสีบรอนซ์ Platinum Quartz ซึ่งข่าวดีสำหรับผู้ที่ชอบสีใหม่นี้ คือ “ไม่ต้องเพิ่มเงินแม้แต่บาทเดียว” เทียบกับสีขาว Snowflake White Pearl ที่ต้องเพิ่มเงิน 10,000 บาท สีเทา Machine Gray เพิ่มเงิน 15,000 บาท และสีแดง Soul Red Crystal เพิ่มเงิน 17,000 บาท
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอกของ Mazda3 รุ่นปี 2022 ยังคงเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง (เว้นแต่ถ้าคุณซื้อรุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports ก็จะได้ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ Signature และไฟท้ายแบบ LED Signature เพิ่มขึ้นมา) โดยที่รุ่น 4 ประตู จะเน้นความหรูหราสง่างามด้วยกระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม ขณะที่รุ่นฟาสต์แบ็กจะเน้นความดุดันมากยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าสีดำ โดยทั้งคู่ยังมีดีไซน์กันชนหน้าที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานภายนอกของ Mazda3 รุ่น 2.0 SP ถูกติดตั้งไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ LED พร้อม Daytime Running Lamp แบบ LED Signature, ระบบปรับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติตามสภาพแสง, กระจังหน้าและเสาประตูตกแต่งด้วยสีดำเปียโน, ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ, กระจกมองข้างปรับ-พับอัตโนมัติ, กระจกมองข้างปรับมุมลงต่ำอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง, กระจกหน้าต่างขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน, ท่อไอเสียปลายคู่ และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/45 R18
โดยที่รุ่น 2.0 SP (รวมถึง 2.0 SP Sports) เป็นเพียงรุ่นเดียวที่ได้รับการติดตั้งหลังคาซันรูฟไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมา ซึ่งไม่ใช่หลังคาแบบพาโนรามิกขนาดใหญ่ หากแต่เป็นซันรูฟบริเวณเหนือศีรษะผู้โดยสารตอนหน้าเท่านั้น แต่ยังคงมีฟังก์ชันเลื่อนเปิด-ปิดอัตโนมัติ และกระดกท้ายมาให้อย่างครบถ้วน
ภายใน
ภายในห้องโดยสารของ Mazda3 รุ่น 2.0 SP เน้นตกแต่งด้วยโทนสีดำตัดกับสีเงินโครเมียม (แต่น่าเสียดายที่เพดานหลังคาไม่ใช่สีดำ ไม่งั้นแล้วจะดูสวยลงตัวยิ่งกว่านี้อีก) ติดตั้งเบาะนั่งผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมเมมโมรี่ 2 ตำแหน่ง ขณะที่ฝั่งผู้โดยสารแม้ว่าจะยังคงเป็นแบบปรับมือ แต่ก็มีคันโยกปรับสูง-ต่ำมาให้ด้วย ขณะที่เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับพับแยกได้แบบ 60:40 ช่วยเพิ่มความสะดวกในการบรรทุกสัมภาระที่มีความยาวกว่าปกติ
โดยรวมแล้วห้องโดยสารของ Mazda3 ถือได้ว่าถูกตกแต่งอย่างประณีตบรรจงเกินหน้าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุที่มอบความหรูหราเต็มเปี่ยม การตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้วยวัสดุที่หลากหลาย มีลูกเล่นหลายมิติ แสดงถึงการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้เป็นอย่างดี จนอดที่จะพูดไม่ได้ว่ามันชวนให้นึกถึงแบรนด์หรูอย่าง “เลกซัส” กันเลยทีเดียว (แม้ว่าในรายละเอียดลึกๆ อาจจะเทียบกันไม่ได้ แต่ก็ถือว่ามาสด้าทำได้ดีมากแล้ว)
Mazda3 รุ่นปี 2022 ทุกรุ่นย่อยถูกติดตั้งมาตรวัดแบบ TFT LCD พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี MID มาให้ ทั้งยังมีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้าแบบสี (Windshield Active Driving Display) เพื่อลดการละสายตาจากถนน โดยจะใช้หลักการสะท้อนบนกระจกบังลมหน้าจริงๆ ต่างจาก Mazda2 ที่ใช้แผ่นกระจกขนาดเล็กเพื่อช่วยในการสะท้อนข้อมูลแทน
เหนือแผงคอนโซลติดตั้งหน้าจอ Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว แบบไวด์สกรีน ควบคุมสั่งการผ่านปุ่ม Center Commander บริเวณคอนโซลกลางใกล้กับคันเกียร์ สามารถรองรับระบบ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ รวมถึงแสดงภาพจากกล้องรอบทิศทาง 360 View Monitor ได้อย่างคมชัดใสแจ๋วแบบเดียวกับที่พบในรถหรูอย่าง Mercedes-Benz และ BMW เปี๊ยบ โดยที่รุ่น 2.0 SP (และ 2.0 SP Sports) เป็นเพียงรุ่นเดียวที่มีระบบเสียงรอบทิศทาง Bose พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่งมาให้ ซึ่งคุณภาพเสียงก็จัดว่าดีมากด้วยเช่นกัน ทั้งในแง่ความใสของเสียงและเบสที่มีมาให้หนาหูพอตัว
ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ก็มีให้แบบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone พร้อมช่องแอร์ตอนหลัง, ไฟส่องสว่างภายในรถแบบ LED ทุกตำแหน่ง, ช่อง USB จำนวน 2 ช่อง, ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold, ปุ่มควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และหลังคาซันรูฟที่เพิ่มขึ้นมาในรุ่น 2.0 SP
ส่วนระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่มีอยู่ในรุ่น 2.0 SP ประกอบไปด้วยฟังก์ชันมากหมายหลากหลาย เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC, ระบบควบคุมความเร็วและประคองพวงมาลัยตามรถคันหน้า CTS, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ Advanced SBS, ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติในขณะถอยหลัง SBS-RC, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LAS, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDWS, ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM, ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA และระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ เป็นต้น
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานที่มีให้ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ได้แก่ ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า, ด้านข้าง, ม่านถุงลม และหัวเข่าผู้ขับขี่), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล TCS, ระบบเบรก ABS/EBD/BA, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA, สัญลักษณ์เตือนคาดเข็มขัดนิรภัยทั้ง 5 ตำแหน่ง, เซ็นเซอร์กะระยะหลัง 4 จุด ส่วนรุ่น 2.0 SP เพิ่มเติมด้วยเซ็นเซอร์กะระยะหน้าอีก 4 จุด
เครื่องยนต์
ด้านขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ความจุ 2.0 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ Dual S-VT ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล Activematic รองรับน้ำมันทางเลือกสูงสุด E85 และเคลมอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 15.9 กม./ลิตร
สำหรับ Mazda3 ทุกรุ่นย่อยยังมีระบบ GVC Plus หรือ G-Vectoring Control Plus ซึ่งช่วยควบคุมแรงบิดอย่างเหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าโค้งให้ดียิ่งขึ้น โดยมาสด้ายังระบุว่าระบบ GVC Plus มีส่วนให้การโคลงตัวของรถในขณะเข้าโค้งลดน้อยลงอีกด้วย
การขับขี่
ก่อนหน้านี้เราเคยทดสอบ Mazda3 ตัวถัง Fastback กันไปแล้ว ซึ่งบอกได้เลยว่าการขับขี่ระหว่างรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตูมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของช่วงล่างที่รุ่น 4 ประตู จะให้ความรู้สึกนุ่มนวลนั่งสบายมากกว่า แลกกับการโคลงตัวที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น 5 ประตูที่เราเคยขับใน จ.ภูเก็ต อยู่เล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็พูดได้เต็มปากว่าช่วงล่างของ Mazda3 ใหม่ สามารถออกมาทำได้ดีกว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ทางตรงหรือทางโค้ง
แม้ว่าเครื่องยนต์ของมาสด้าเองจะไม่มีระบบช่วยอัดอากาศ หรือใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง หากแต่เป็นเครื่องยนต์สันดาปล้วนๆ แต่พละกำลังก็ถือว่าจัดจ้านอย่างที่คาดหวังจากเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร แม้ว่าแรงดึงจะไม่หนักเท่ากับที่พบใน Civic Turbo รุ่นปัจจุบัน แต่ทันทีที่กดคันเร่งประมาณ 3 ใน 4 ของระยะทั้งหมด เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ก็สามารถปรับอัตราทดลงได้อย่างฉับไว พร้อมเสียงคำรามจากเครื่องยนต์ที่ช่วยเพิ่มความเร้าใจได้เป็นอย่างดี ให้การตอบสนองในแบบเครื่องยนต์ NA ที่หลายคนยังคงชื่นชอบเอาไว้
ส่วนการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นเสียงลมด้านข้างและเสียงจากพื้นถนน สามารถพูดคุยสนทนากับเพื่อนร่วมเดินทางได้โดยไม่ต้องเพิ่มระดับเสียง แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องทำใจว่าพื้นที่โดยสารตอนหลังของ Mazda3 ยังคงให้ความรู้สึกอึดอัดมากกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งทั้ง 2 รุ่น ดังนั้นหากตั้งใจซื้อรถคันนี้ไปใช้งานในรูปแบบครอบครัว มีผู้โดยสารนั่งข้างหลังอยู่บ่อยๆ ก็เป็นจุดที่ควรพิจารณาไว้ แต่หากใช้งานเพียง 1-2 คนอยู่เป็นประจำ โดยที่เบาะหลังแทบไม่มีใครขึ้นมานั่งแล้วล่ะก็ รถคันนี้ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัวทีเดียว
สรุป
Mazda3 2.0 SP รุ่นปี 2022 ใหม่ ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสไตล์ของมาสด้า ไม่ว่าจะเป็นงานดีไซน์ภายนอก การประณีตในการตกแต่งและเลือกใช้วัสดุภายในห้องโดยสาร แถมยังเป็นรถที่มีความโดดเด่นในด้านช่วงล่าง ประกอบกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแบบทอร์กคอนเวอร์เตอร์ที่ให้ความรู้สึกแบบดิบๆ ต่างจากคู่แข่งที่หันไปใช้เกียร์ CVT กันหมดแล้ว จึงถือได้ว่าเป็นรถที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์เอาไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยมทีเดียว
ราคาจำหน่าย Mazda3 2.0 SP รุ่นปี 2022 ใหม่ อยู่ที่ 1,198,000 บาท
อัลบั้มภาพ 47 ภาพ