Lotus ELETRE 2022 ใหม่ ไฮเปอร์เอสยูวีขุมพลังไฟฟ้า 600 แรงม้าเปิดตัวแล้ว

     Lotus Eletre 2022 ใหม่ ไฮเปอร์เอสยูวีขุมพลังไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุดไม่ต่ำกว่า 600 แรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 3 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ที่รองรับการชาร์จด่วนเพียง 20 นาที แต่ให้ระยะทางขับขี่ไกลสูงสุดถึง 400 กิโลเมตร

     Lotus Eletre ถูกระบุว่าเป็น “Hyper-SUV” รุ่นแรกของโลตัส และเป็นหนึ่งใน “Lifestyle EVs” จากจำนวนทั้งหมด 3 รุ่น ที่จะทยอยเปิดตัวภายในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยอาศัยแนวทางการออกแบบของโลตัสยุคใหม่เช่นเดียวกับไฮเปอร์คาร์ไฟฟ้า Evija ที่ถูกเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เน้นความเป็นรถเมืองผู้ดีแท้ๆ ภายใต้แนวคิด “Born British, Raised Globally” ด้วยการผนวกเอางานออกแบบจากประเทศอังกฤษ และงานด้านวิศวกรรมจากทีมโลตัสทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน

     ปัจจุบันโลตัสยังไม่เผยรายละเอียดด้านขุมพลังที่แน่ชัดของรถคันนี้ออกมา แต่ระบุว่าถูกติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมแบตเตอรี่ที่มีความจุไม่ต่ำกว่า 100 kWh ซึ่งตั้งเป้าให้มีระยะทางขับขี่ตามมาตรฐาน WLTP ประมาณ 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง อีกทั้งยังรองรับการชาร์จด่วนแบบ 350 kW ที่ช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่ขึ้นอีก 400 กิโลเมตร ภายในระยะเวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น และสามารถรองรับการชาร์จแบบมาตรฐานขนาด 22 kW ได้

     ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าของ Lotus Eletre จะมีพละกำลังขั้นต่ำอยู่ที่ 600 แรงม้า (HP) ขึ้นไป ซึ่งแม้ว่าจะไม่ใช่ตัวเลขที่หวือหวานักเทียบกับความเป็น Hyper-SUV แต่โลตัสเคลมว่าสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาไม่ถึง 3 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กม./ชม. ซึ่งถือว่าน่าประทับใจทีเดียวสำหรับรถยนต์ที่มีตัวถังขนาดใหญ่เช่นนี้

     ตัวถังของ Lotus Eletre มีขนาดความยาวตลอดคันอยู่ที่ 5,103 มม. สั้นกว่า Lamborghini Urus เพียง 9 มม. เท่านั้น พร้อมความกว้างอยู่ที่ 2,231 มม. (รวมกระจกมองข้าง) แต่หากติดตั้งกล้องมองภาพด้านข้าง Electric Reverse Mirror Display (ERMD) จะมีความกว้างลดลงเหลือ 2,135 มม. ส่วนความสูงอยู่ที่ 1,630 มม. และความยาวฐานล้อ 3,019 มม. ยาวกว่า Urus ถึง 16 มม.

     ดีไซน์ภายนอกของ Lotus Eletre ถูกออกแบบให้มีลักษณะเป็น “รถสปอร์ตยกสูง” มากกว่าที่จะเป็นรถเอสยูวีทั่วไป พร้อมด้วยแนวคิด “Carved by air” ที่เคยใช้ใน Evija และ Emira มาแล้ว โดยเน้นออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อลดแรงเสียดทานลงให้มากที่สุด ช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่และปลดปล่อยสมรรถนะได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังมีเซ็นเซอร์ LIDAR ใช้สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ ล้ออัลลอยแบบ 5 ก้าน ขนาด 23 นิ้ว ที่เสริมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดแรงต้านอากาศ และคาลิเปอร์เบรกแบบ 10-pot เป็นต้น

     ภายในห้องโดยสารสามารถเลือกได้ทั้งแบบ 4 ที่นั่ง และ 5 ที่นั่ง พร้อมหลังคากระจกแบบติดตั้งตายตัวเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่งภายในห้องโดยสาร ทั้งยังเลือกใช้วัสดุไมโครไฟเบอร์และผ้าที่ทำจากขนสัตว์ ซึ่งให้น้ำหนักเบาลง 50% เมื่อเทียบกับหนังสัตว์ทั่วไป พร้อมทั้งติดตั้งหน้าจอแบบสัมผัส OLED ขนาดใหญ่ถึง 15.1 นิ้ว สำหรับระบบอินโฟเทนเมนท์ของตัวรถ และหน้าจอ Head-up Display ที่มีเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยไม่ต้องสั่งซื้อเพิ่ม

     นอกจากนี้ Lotus Eletre ยังใส่ใจในด้านระบบเสียงด้วยการติดตั้งชุดเครื่องเสียง KEF Premium จากประเทศอังกฤษ พร้อมลำโพงจำนวน 15 ตัว ให้กำลังขับรวมสูงสุด 1,380 วัตต์ หรือจะเลือกอัปเกรดเป็น KEF Reference ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเสียง 3 มิติ และลำโพงถึง 23 ตัว ให้กำลังขับสูงสุดถึง 2,160 วัตต์

     จุดเด่นสำคัญอีกหนึ่งอย่างของ Lotus Eletre ก็คือการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ซึ่งอาศัยเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ LIDAR ที่สามารถเก็บซ่อนได้เมื่อไม่ใช้งาน ประกอบด้วยระบบรักษาความเร็วตามรถคันหน้าอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control (ACC), ระบบป้องกันการชนด้านหน้า Collision Mitigation Support Front (CMSF), ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน Lane Keep Aid with Lane Departure Warning / Prevention (LKA+) และระบบป้องกันการชนด้านหลัง Collision Mitigation Support Rear (CMSR) เป็นต้น

     ส่วนกำหนดการวางจำหน่าย Lotus Eletre จะถูกประกาศอีกครั้ง