ส่องรถหรู “ขุน-ชานนท์” กับ Lexus IS250 รุ่นยอดนิยมแห่งยุค 2000

     จากกรณีที่มีภาพข่าวรถหรู Lexus รุ่น IS250 ที่กลายเป็นประเด็นระหว่างดาราหนุ่ม “ขุน-ชานนท์ อักขระชาตะ” และผู้ใช้รถจักรยานยนต์รายหนึ่งจนกลายเป็นกระเด็นร้อนแรงบนโลกโซเชียลนั้น Sanook Auto จะพาคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับรถยนต์หรูรุ่นนี้ ว่าทำไมถึงกลายเป็นตัวเด็ดแห่งยุค 2000 เลยก็ว่าได้

     Lexus IS เป็นรถยนต์ในกลุ่ม Compact Luxury ที่โตโยต้าพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นคู่แข่งตรงของแบรนด์หรูฝั่งยุโรปอย่าง Mercedes-Benz C-Class, BMW 3 Series และ Audi A4 โดยคันที่ปรากฏในภาพถือเป็นเจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2006 และได้มีการปรับไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปี 2008 เน้นจับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ต้องการฉีกหนีจากแบรนด์ฝั่งเยอรมนี ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูหรูหราคู่ไปกับความโฉบเฉี่ยวอย่างลงตัว กลายเป็นหนึ่งในรถที่มีความโดดเด่นบนท้องถนนมากที่สุดในช่วงนั้น

     ด้วยความที่ Lexus เป็นแบรนด์รถยนต์ระดับหรูของโตโยต้า จึงมีการใส่อุปกรณ์มาตรฐานระดับสูงไม่แพ้กับรถยุโรปในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ HID, ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว, ไฟส่องสว่างข้างตัวรถที่สว่างขึ้นอัตโนมัติเพียงพกกุญแจเดินเข้าไปยังตัวรถ รวมถึงห้องโดยสารที่ถูกตกแต่งเน้นคุณภาพไม่แพ้รุ่นใหญ่อย่าง Lexus LS ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งหุ้มหนังระดับพรีเมียมที่มีระบบพัดลมระบายอากาศในตัวเบาะ, ชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียมจาก Mark Levinson พร้อมลำโพง 14 จุด, หลังคาซันรูฟไฟฟ้า และแผงคอนโซลลายไม้ที่ถูกตกแต่งอย่างมีรสนิยม เป็นต้น

     สำหรับขุมพลังของ Lexus IS250 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยยุคนั้นเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 2.5 ลิตร Dual VVT-i ให้กำลังสูงสุด 212 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยมาให้ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 225 กม./ชม. ถือเป็นรถที่มีสมรรถนะเทียบชั้นรถยุโรปในช่วงนั้นเลยก็ว่าได้

     ส่วนราคาป้ายแดงของ Lexus IS ในสมัยนั้นก็ถือว่าไม่เบาทีเดียว ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 3 ล้านบาทต้น ไปจนถึง 3 ล้านบาทกลางขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ขณะที่ราคามือสองในปัจจุบันจะป้วนเปี้ยนอยู่ที่ราว 4 แสนบาทกลาง ไปจนถึงเกือบ 7 แสนบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นปีและสภาพของแต่ละคัน

ภาพจากอินสตาแกรม - khun.chanon

     แต่เอาเป็นว่าไม่ว่าจะขับรถรุ่นไหน ก็อย่าลืมที่จะปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด จะได้ปลอดภัยกับตัวเองและผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วยนะครับ