เมื่อ “รถไฟฟ้า” ตีตลาด “อีโคคาร์” ด้วยราคา 5 แสนกว่าบาท
เดิมทีในช่วงเวลานี้ เราน่าจะได้เห็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถพลังไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์ (EV) ค่ายน้องใหม่อย่าง Neta V ที่เตรียมจัดแถลงข่าวใหญ่ ทว่าจากปัญหาด้านการขนส่ง ทำให้ทางบริษัทเจ้าของแบรนด์ Neta เลื่อนงานเปิดตัวออกไปเป็นวันที่ 24 สิงหาคมนี้แทน
แต่ถึงกระนั้นหากสังเกตกันให้ดี แนวทางการทำการตลาดรถยนต์ในบ้านเรา โดยเฉพาะรถ EV ที่เป็นแบรนด์ใหม่จากจีน จะใช้วิธีการโปรโมตผ่านช่องทางโซเชียล และเชิญสื่อรวมถึง Influence ด้านรถยนต์ไปทดสอบพร้อมรีวิว ให้คนได้เห็นสมรรถนะกันก่อนพร้อมเปิดจองล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการประกาศเปิดตัวเคาะราคาในภายหลัง
ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับ GWM ค่ายรถจากจีน ที่ใช้เปิดตัวรถ 2 รุ่นดังเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้ NETA V ซึ่งก็ต้องบอกว่าเป็นรถจากจีนเช่นกัน แม้ว่าจะมีการร่วมทุนกับปตท.ของบ้านเรา และมีการตั้งบริษัทใหม่ ใช้ชื่อ อรุณ พลัส (ARUN PLUS) โดยปตท. ถือหุ้นทั้งหมด 100% ก็ตามที
สิ่งที่สร้างความฮือฮา และเป็นจุดเด่นที่จะทำให้รถไฟฟ้าน้องใหม่ค่ายนี้แจ้งเกิดในบ้านเราคือ “ราคา” ครับ ก่อนหน้านี้คาดกันว่าจะอยู่ราว ๆ 7 แสนบาท แต่หลังจากเข้ามาตรการภาครัฐในการสนับสนุนรถ EV ก็คาดกันว่าราคาของรถ NETA V จะลงมาที่ระดับ 5 แสนบาท ไม่เกิน 6 แสน ซึ่งเป็นราคาเทียบเท่า Eco Car ในบ้านเรา
รถ Eco Car ในบ้านเรา ณ ปัจจุบัน จะมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ระดับ 3 แสนกว่าบาท (Suzuki Celerio รุ่นเริ่มต้น) ไปจนถึงหลัก 5 แสนปลาย (Honda City) แต่โดยเฉลี่ยแล้วรุ่นที่คนนิยมซื้อมาใช้จะอยู่ที่ราว 5 แสนกว่าบาท ฉะนั้น ถ้าราคาของ NETA V เป็นไปตามคาด ก็น่าสนใจไม่น้อยครับ
สเปกคร่าว ๆ ของ NETA V ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 70 กิโลวัตต์ 1 ตัว ให้กำลังสูงสุดเทียบเท่ารถยนต์ 95 แรงม้า โดยทางค่ายบอกว่า ใช้งานจริงในเมืองได้ด้วยระยะทาง 380 กม. ต่อการชาร์จ ตามมาตรฐาน NEDC แต่ทำความเร็วได้สูงสุดอยู่ที่ราว 101 กม./ชม เท่านั้น ซึ่งอาจไม่เหมาะกับการขับทางไกล
มาถึงตรงนี้อาจมีคำถามว่า NETA V คือคู่แข่งของ ORA Good Cat ใช่หรือไม่ คำตอบคือแม้จะเป็นรถ EV เหมือนกัน แต่สเปกและสมรรถนะต่าง ๆ ถือว่าเป็นรองน้องแมวน้อย ทั้งเรื่องของพละกำลัง แรงบิด แรงดันไฟฟ้า จำนวนระยะทางต่อการชาร์จ รวมถึงท็อปสปีด ขณะที่ราคา ORA Good Cat ก็ขึ้นไประดับ 7 แสนกว่าบาทครับ
ผมมองว่าคู่แข่งโดยตรงก็คือตลาดรถ Eco Car เครื่องยนต์ 1.0 ถึง 1.2 ลิตร ของค่ายญี่ปุ่นทั้งหลาย เพราะในราคาเท่า ๆ กัน (หลัก 5 แสนกว่าบาท) รถ EV จะได้ความประหยัดเรื่องค่าน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงอัตราเร่งที่มาในรูปแบบมอเตอร์ไฟฟ้า เหยียบปุ๊บมาปั๊บ ไม่ต้องลุ้นเหนื่อยเหมือนกับรถ Eco Car บางยี่ห้อ
อย่างไรก็ดีจุดด้อยที่ยังเป็นปัญหาของคนใช้รถ EV ในบ้านเรายุคนี้คือ “สถานีชาร์จ” เพราะเท่าที่ได้ฟังฟีดแบ็กจากผู้ใช้รถ EV แต่ละคน ล้วนแนะนำให้ชาร์จจากบ้านเป็นหลัก เพราะสถานีชาร์จนอกบ้านเวลานี้ระบบยังไม่เสถียร ซึ่งถ้าแก้จุดบอดนี้ได้ NETA V ตีตลาด Eco Car ยับแน่นอนครับ
อัลบั้มภาพ 19 ภาพ