รีวิว Nissan NAVARA Black Edition 2022 ใหม่ หล่อสปอร์ตออปชันครบในราคาคุ้มค่า

รีวิว Nissan NAVARA Black Edition 2022 ใหม่ หล่อสปอร์ตออปชันครบในราคาคุ้มค่า

รีวิว Nissan NAVARA Black Edition 2022 ใหม่ หล่อสปอร์ตออปชันครบในราคาคุ้มค่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     รีวิว Nissan NAVARA Black Edition 2022 ใหม่ กระบะแต่งสปอร์ตเน้นความคุ้มค่าด้วยอุปกรณ์มาตรฐานชนิดจัดเต็ม โดยบทความนี้จะเน้นไปที่รุ่น King Cab E 7AT Black Edition ที่มีราคาจำหน่าย 849,000 บาท จะน่าใช้ขนาดไหนไปติดตามได้ในบทความนี้ครับ

nissan_navara_black_edition_4 

     Nissan NAVARA Black Edition เป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับผู้ที่มองหารถกระบะพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งแท้จากโรงงาน โดยจะถูกวางตำแหน่งไว้ต่ำกว่าตระกูล PRO Series ทั้ง PRO-4X และ PRO-2X แต่ชูจุดเด่นด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่มีให้อย่างครบครัน ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย ทั้งยังสามารถเลือกได้ทั้งตัวถังแบบ King Cab และ Double Cab เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติรวมทั้งสิ้นกว่า 4 รุ่นย่อย ดังนี้

  • KC Calibre E 6MT Black Edition
  • KC Calibre E 7AT Black Edition
  • DC Calibre E 6MT Black Edition
  • DC Calibre E 7AT Black Edition

     สำหรับบทความนี้เราได้มีโอกาสทดสอบรุ่น King Cab Calibre E 7AT Black Edition ตัวถังแบบตอนครึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในบ้านเรา โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 849,000 บาท

nissan_navara_black_edition_4_1

ภายนอก

     สำหรับ Nissan NAVARA Black Edition ทุกรุ่นจะถูกตกแต่งภายนอกด้วยชุดแต่งสีดำช่วยเพิ่มความสปอร์ตขึ้นกว่ารุ่นปกติ ประกอบด้วย แผงกันกระแทกใต้กันชนหน้าสีดำ, กระจังหน้าสีเทาดำ, ฝาครอบกระจกมองข้างสีดำ, มือจับประตูภายนอกสีดำ, ชุดคิ้วซุ้มล้อสีดำ, เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ, มือจับกระบะท้ายสีดำ และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว

nissan_navara_black_edition_3

     ทุกรุ่นที่เป็น Black Edition ยังถูกเพิ่มเติมด้วยชุดสติกเกอร์ตกแต่งด้านข้างตัวรถสีเทา-ดำ พร้อมสัญลักษณ์ “BLACK EDITION” บ่งบอกถึงความพิเศษของรถรุ่นนี้

     ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานของ Nissan NAVARA Black Edition ทั้ง 4 รุ่นย่อย ประกอบไปด้วย ไฟหน้าแบบ Quad-eye LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Follow-Me-Home และไฟส่องสว่างเวลากลางวัน, ไฟท้ายแบบ LED, กระจกมองข้างปรับ-พับเก็บอัตโนมัติ พร้อมไฟเลี้ยว LED, บันไดข้างสีดำ, ระบบปัดน้ำฝนพร้อมระบบหน่วงเวลา และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ลายเดียวกันทั้งหมด

ภายใน

     ภายในห้องโดยสารของ Nissan NAVARA Black Edition ยังมีการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตขึ้นจากรุ่นปกติ โดยยังคงคุมโทนด้วยชุดแต่งสีดำรับกับภายนอก ได้แก่ กรอบแผงคอนโซลสีดำ, ช่องแอร์ตกแต่งด้วยสีดำ, มือจับประตูด้านในสีดำ, ที่วางแก้วคอนโซลกลางสีดำ, ฐานเกียร์สีดำ และที่พักแขนบริเวณแผงประตูสีดำ

nissan_navara_black_edition_1

     ขณะที่ตัวเบาะนั่งแบบปรับมือถูกหุ้มด้วยวัสดุผ้าสีดำ ฝั่งผู้ขับขี่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ โดยที่รุ่นตัวถังแบบ King Cab จะไม่มีเบาะนั่งโดยสารตอนหลังมาให้ ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานของรุ่น Black Edition ทั้ง 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย มาตรวัดแบบเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูลแบบ 3 มิติ ขนาด 7 นิ้ว, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบยูรีเทน, กุญแจแบบ Keyless Entry พร้อมปุ่ม Push Start, กระจกหน้าต่างไฟฟ้า ขึ้น-ลงอัตโนมัติพร้อมระบบป้องกันหนีบเฉพาะฝั่งผู้ขับขี่ และระบบล็อกประตูอัตโนมัติตามความเร็วรถ

     นอกจากนี้ Nissan NAVARA Black Edition ทุกรุ่นย่อยยังเน้นความคุ้มค่าด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control), กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เป็นต้น

nissan_navara_black_edition_1_2

     ทุกรุ่นยังถูกติดตั้งหน้าจออินโฟเทนเมนท์ NissanConnect แบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว สามารถรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านสาย USB ได้ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth รวมถึงมีช่องเชื่อมต่อทั้ง USB-A และ USB-C เพื่อรองรับความต้องการในยุคปัจจุบัน และเมื่อผู้ขับขี่เข้าเกียร์ถอยหลังก็จะปรากฏภาพจากกล้องรอบคัน Intelligent Around View Monitor ที่มีมุมภาพแบบ Bird-eye-view ทำงานคู่กับเซ็นเซอร์กะระยะจอดด้านหลังมาให้ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากกว่าการมองภาพจากกล้องเพียงอย่างเดียว

     ด้านระบบความปลอดภัยก็มีให้พร้อมสรรพสำหรับรถที่วางจำหน่ายในปี 2565 ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TCS), ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถขณะลากจูง (TSA), ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น (ABLS), ระบบเบรก ABS/EBD/BA และถุงลมนิรภัยคู่หน้า เป็นต้น

nissan_navara_black_edition_0_1

     ขณะที่เทคโนโลยีขับขี่ Nissan Intelligent Mobility (NIM) ที่ติดตั้งมาให้ในรุ่น Black Edition มีทั้งสิ้น 3 ฟีเจอร์ ได้แก่ ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA), ระบบกล้องมองภาพอัจฉริยะรอบทิศทาง (IAVM) และระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (MOD) ถ้าต้องการฟีเจอร์ความปลอดภัยแบบครบครัน เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ, ระบบเตือนมุมอับสายตา, ระบบช่วยประคองรถให้อยู่ในเลน และอื่นๆ จะต้องขยับไปเล่นรุ่นที่สูงกว่าเท่านั้น

เครื่องยนต์

     ขุมพลังของ Nissan NAVARA Black Edition แบ่งออกเป็นทั้งหมด 2 แบบ โดยรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดจะได้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 2.3 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ขณะที่รุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จะได้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวขนาด 2.3 ลิตร กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตรไปแทน

     ทุกรุ่นผ่านค่ามาตรฐานไอเสียระดับ Euro 4 พร้อมด้วยถังน้ำมันขนาด 80 ลิตร

nissan_navara_black_edition_1_3

การขับขี่

     สำหรับ Nissan NAVARA Black Edition ที่เราได้มีโอกาสทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่น King Cab Calibre E 7AT Black Edition เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ 190 แรงม้า ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยทั้งเครื่องยนต์และช่วงล่าง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลแต่อย่างใด เพราะเครื่องยนต์บล็อกนี้จัดว่ามีพละกำลังในระดับเบอร์ต้นๆ ของตลาดอยู่แล้ว ยิ่งมาอยู่ในตัวถังแบบตอนครึ่งยิ่งเห็นได้ชัดว่ามีความคล่องตัวทั้งในเมืองและนอกเมือง แรงดังใจสั่งไม่ว่าจะเป็นจังหวะเร่งออกตัวหรือเร่งแซง

     ส่วนการตอบสนองของเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดก็เป็นสิ่งที่น่าชมเชย เพราะสามารถเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล ไม่มีจังหวะเย่อหน้าเย่อหลังให้รำคาญใจ รวมถึงสามารถตอบสนองต่อการคิกดาวน์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การเร่งแซงเป็นไปตามใจสั่งอย่างดี

nissan_navara_black_edition_0_2

     ขณะที่ช่วงล่างก็ถือว่าเซ็ตมาแบบกลางๆ ติดไปทางแข็งนิดๆ ตามธรรมชาติของกระบะตอนครึ่งที่ต้องเผื่อน้ำหนักบรรทุกเอาไว้ ประกอบกับน้ำหนักพวงมาลัยที่ถูกปรับให้เบาลงกว่าโฉมก่อนไมเนอร์เชนจ์ ทำให้การควบคุมทำได้อย่างคล่องตัวและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็นรถกระบะที่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนไทยได้เป็นอย่างดี

สรุป

     แม้ Trademark คำว่า “Black Edition” ของ Nissan NAVARA จะไม่ได้โดดเด่นติดหูสักเท่าไหร่นัก จนทำให้ใครหลายคนเผลอมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย แต่หากพิจารณาถึงความคุ้มค่า และชื่อเสียงที่ไว้ใจได้ตามฉบับนิสสันแล้วล่ะก็ คงกล่าวได้เต็มปากว่านี่เป็นกระบะที่มอบความคุ้มค่ามากที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่ถูกเพิ่มความสปอร์ตมากกว่ารุ่นปกติ รวมถึงอุปกรณ์มาตรฐานที่มีให้แบบแน่นๆ ยิ่งกว่ารถเก๋งเสียอีก สำหรับใครที่กำลังมองหารถกระบะเอาไว้ใช้งานสักคันแล้วล่ะก็ ลองเก็บไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการพิจารณาก็ดีไม่น้อยครับ

nissan_navara_black_edition_0_3

ราคาจำหน่าย Nissan NAVARA Black Edition 2022 ใหม่

  • KC Calibre E 6MT Black Edition ราคา 799,000 บาท
  • KC Calibre E 7AT Black Edition ราคา 849,000 บาท *รุ่นที่ใช้ในการทดสอบ
  • DC Calibre E 6MT Black Edition ราคา 884,000 บาท
  • DC Calibre E 7AT Black Edition ราคา 934,000 บาท

อัลบั้มภาพ 47 ภาพ

อัลบั้มภาพ 47 ภาพ ของ รีวิว Nissan NAVARA Black Edition 2022 ใหม่ หล่อสปอร์ตออปชันครบในราคาคุ้มค่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook