Mitsubishi Outlander PHEV 2023 ใหม่ วิ่งไฟฟ้าไกล 61 กม. เปิดราคาเริ่ม 1.5 ล้านบาทที่สหรัฐฯ

     Mitsubishi Outlander PHEV 2023 ใหม่ ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นที่ 39,845 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท พร้อมขุมพลังเบนซิน Plug-in Hybrid ที่สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าไกลกว่า 61 กิโลเมตร

     Mitsubishi Outlander PHEV โฉมใหม่ที่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle ขนาด 2.4 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว โดยมอเตอร์ที่ชุดเพลาขับหน้ามีกำลังสูงสุด 114 แรงม้า (HP) และด้านหลังมีกำลังสูงสุด 134 แรงม้า เมื่อทำงานร่วมกันทั้งระบบจะให้กำลังสูงสุด 248 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ควบคู่ไปกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super All-Wheel Control (S-AWC) เจเนอเรชันใหม่

     ขณะที่แบตเตอรี่ของ Outlander PHEV ใหม่ เป็นแบบลิเธียม-ไอออนความจุ 20 kWh ที่มีแรงดันไฟ 350 โวลต์ ติดตั้งอยู่บริเวณใต้ท้องรถเพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลง สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าได้เป็นระยะทางสูงสุดราว 61 กิโลเมตร (38 ไมล์) เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าประมาณ 40% ทั้งยังรองรับการชาร์จด่วนแบบ DC จนถึงระดับ 80% ในเวลาราว 38 นาที หรือจะใช้เครื่องยนต์ในการชาร์จแบตเตอรี่ได้ทั้งขณะขับขี่และจอดอยู่กับที่ โดยมิตซูบิชิระบุว่า Outlander PHEV เป็นรถปลั๊กอินไฮบริดในกลุ่ม Non-luxury เพียงรุ่นเดียวที่รองรับการชาร์จด่วนได้

     นอกจากนี้ ระบบปลั๊กอินไฮบริดของ Outlander PHEV ใหม่ ช่วยให้ตัวรถมีระยะทางขับขี่ไกลสุดราว 675 กิโลเมตร (420 ไมล์) เมื่อทั้งสองระบบทำงานร่วมกัน

     ทั้งนี้ Mitsubishi Outlander PHEV ใหม่ ถูกออกแบบภายนอกให้มีลักษณะเหมือนกับ Outlander รุ่นเครื่องยนต์สันดาปปกติ โดยเพิ่มสัญลักษณ์ PHEV บริเวณประตูคู่หน้าและประตูท้าย เส้นสายตัวถังถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Bold Stride เน้นความบึกบึนสไตล์รถเอสยูวี และดีไซน์ด้านหน้าแบบ Dynamic Shield ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว

     ขณะที่ห้องโดยสารภายในถูกตกแต่งด้วยสีดำ-ส้ม เน้นการบุด้วยวัสดุแบบซอฟต์ทัชที่ให้ความหรูหรา ติดตั้งมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล ออกแบบให้สามารถอ่านค่าต่างๆ ได้ง่าย พร้อมหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่วางตัวเหนือแผงคอนโซล อีกทั้งยังมาพร้อมเบาะนั่งแถวที่ 3 เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อยเช่นเดียวกับรุ่นเบนซิน

     ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกาจะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้