เปิดตัว Lamborghini Urus S 2023 ใหม่ เอาใจสายหรูพร้อมขุมพลัง V8 666 แรงม้า

     เปิดตัว Lamborghini Urus S รุ่นปี 2023 ใหม่ พร้อมทางเลือกตกแต่งภายในสไตล์ Luxury เอาใจสายหรูโดยเฉพาะ พร้อมขุมพลัง V8 4.0 Twin-turbo กำลังสูงสุด 666 แรงม้าเทียบชั้นรุ่น Performante

     ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี (Automobili Lamborghini) ประกาศเปิดตัว “Lamborghini Urus S” ใหม่ ถูกพัฒนาเพื่อเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์หรูโดยเฉพาะ วางจำหน่ายควบคู่ไปกับ Urus Performante ที่เน้นความสปอร์ตดิบมากกว่า โดยลูกค้าสามารถเลือกตกแต่งด้วยโทนสี, อุปกรณ์เสริม, ล้อ, แพ็กเกจตกแต่ง และรายละเอียดพิเศษอื่นๆ ได้ตามความต้องการ

     ภายนอกของ Lamborghini Urus S สามารถเลือกออปชันตกแต่งได้ถึง 5 รูปแบบ ผสานทั้งโทนสีตัวรถ การเคลือบวัสดุสีดำเงา และชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งแบบเงาและแบบด้านได้อย่างลงตัว ขณะที่กระโปรงหน้าทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์พร้อมช่องระบายอากาศสีดำด้าน ซึ่งสามารถเลือกออปชันเป็นสีดำเงา Gloss Black ได้ รวมถึงสีตัวถังรถหรือชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์ยังสามารถเลือกได้ทั้งแบบเงาหรือด้านตามต้องการ และยังสามารถเลือกออปชันเป็นหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มเติมได้

     ดีไซน์ด้านท้ายมีการออกแบบกันชนใหม่ที่เน้นความหรูหรามากยิ่งขึ้น มาพร้อมท่อไอเสียคู่ตกแต่งด้วยผิว Brushed steel เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งสามารถเลือกตกแต่งด้วยสีดำเงาหรือดำด้านได้ตามต้องการ รวมถึงการตกแต่งแบบ Ad Personam ในสีโครเมียมโทนสว่าง โดย Urus S จะถูกติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้วเป็นมาตรฐาน และสามารถเลือกออปชันเป็นล้อ Nath ขนาด 22 นิ้ว แบบ Titanium Matt และ Diamond Polish หรือล้อ Taigete ขนาด 23 นิ้ว ที่เลือกได้ทั้งสี Bronze และ Diamond Polish

     ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งโทนสีใหม่ทั้งหมด โดยลูกค้าสามารถเลือกออปชัน Bi-color Sportivo ที่เน้นให้บรรยากาศสปอร์ตและดุดัน หรือ Bi-color Sophisticated ที่เน้นความหรูหราภูมิฐานและการตกแต่งด้วยโทนสีเฉพาะ โดดเด่นด้วยการเลือกใช้หนังสีดำเนื้อละเอียดมาตัดกับสี Blu Leandro และ Verde Aura ใหม่ รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งใหม่อีกมากมาย เสริมด้วยระบบเชื่อมต่อออนไลน์เพื่อการใช้งานระบบนำทาง, ระบบความปลอดภัย และฟังก์ชันต่างๆ ภายในรถ รวมถึงระบบควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนและสมาร์ทวอชต์ เช่น ฟังก์ชัน Virtual Car Key ได้

     ด้านขุมพลังของ Urus S เป็นเครื่องยนต์ V8 Twin-turbo ความจุ 4.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 666 แรงม้า เทียบเป็นอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าอยู่ที่ 3.3 กิโลกรัม/แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 850 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.5 วินาที ต่อเนื่องจนถึง 200 กม./ชม. ในเวลา 12.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 305 กม./ชม. อีกทั้งยังสามารถหยุดรถจากความเร็ว 100 กม./ชม. ด้วยระยะทางเพียง 33.7 เมตรเท่านั้น

     นอกจากนี้ ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ตามลักษณะการใช้งานได้ โดยแบ่งออกเป็นโหมดสำหรับการขับขี่ On-road จำนวน 4 โหมด ได้แก่ Strada, Sport, Corsa และ Ego รวมถึงโหมดออฟโรดอีก 3 โหมด ได้แก่ Terra, Neve และ Sabbia เสริมด้วยระบบช่วงล่างถุงลมแบบ Adaptive เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

     ปัจจุบันยังไม่มีการประกาศราคาจำหน่ายในประเทศไทยออกมาแต่อย่างใด