อย่างสวย All-new Toyota PRIUS 2023 ใหม่ ปรับดีไซน์สปอร์ตเฉียบก่อนขายจริงปลายปีนี้
All-new Toyota PRIUS 2023 ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ปรับดีไซน์สปอร์ตเฉียบยิ่งขึ้น มีให้เลือกทั้งรุ่นไฮบริด (HEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) จ่อประเดิมวางขายช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป
Toyota PRIUS 2023 เจเนอเรชันที่ 5 ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม TNGA เจเนอเรชันที่ 2 โดยอาศัยแนวคิด “Hybrid Reborn” เน้นรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูสปอร์ตเฉียบยิ่งขึ้น เน้นจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ควบคู่ไปกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 19 นิ้ว ขณะที่เส้นสายตัวถังถูกออกแบบเน้นความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งโตโยต้าระบุว่าเป็นแนวทางการออกแบบที่ช่วยให้ตัวรถยังคงดูสวยงามแม้กาลเวลาจะผ่านไปยาวนานก็ตาม
รูปลักษณ์ด้านหน้าถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับ “ฉลามหัวค้อน” ที่โตโยต้าระบุว่าเป็นการออกแบบที่ลงตัวระหว่างการใช้งานและความสวยงาม มาพร้อมไฟหน้าที่ถูกออกแบบให้เป็นรูปตัว C และไฟท้ายที่ออกแบบเป็นเส้นตรงยาวชวนให้นึกถึงบั้นท้ายของ Toyota Mirai ขณะที่ตัวถังยังคงไว้ซึ่งดีไซน์แบบฟาสต์แบ็ก 5 ประตูเพื่อให้มีความลู่ลมเป็นพิเศษ
ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบโดยใช้แนวคิด “Island architecture” ให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถโฟกัสไปกับการขับรถได้อย่างเต็มที่ เน้นตกแต่งด้วยโทนสีดำเพื่อเพิ่มความสปอร์ต อีกทั้งยังมีการนำเอาไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร (Ambient light) มาใช้เป็นสัญญาณเตือนเป็นครั้งแรกของโตโยต้า โดยหากระบบ Toyota Safety Sense ตรวจพบว่าตัวรถมีความเสี่ยงที่จะเกิดการชน ไฟบนแผงคอนโซลจะกะพริบเพื่อแจ้งเตือนผู้ขับขี่ก่อนที่สัญญาณเสียงจะดังขึ้น เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัยและผ่อนคลายมากที่สุด
All-new Toyota PRIUS ใหม่ มีให้เลือกทั้งขุมพลัง Series Parallel Hybrid ขนาด 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดถึง 193 แรงม้า (PS) ในรุ่น 2.0 ลิตร สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 1.6 เท่า ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อผู้ขับขี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งความประหยัดน้ำมันเช่นเดิม ทั้งยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่บนพื้นผิวที่มีความเปียกลื่น เช่น ถนนที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และยังช่วยเพิ่มเสถียรภาพขณะเข้าโค้งอีกด้วย
ส่วนอีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร ที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน Dynamic Force และแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 223 แรงม้า (PS) แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองในระดับเดียวกับรุ่นก่อนหน้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.7 วินาที และเพิ่มระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าขึ้นอีก 50% เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่โดยไม่ต้องใช้น้ำมัน
นอกจากนี้ PRIUS PHEV ยังมาพร้อมระบบ My Room Mode ที่ใช้แหล่งจ่ายไฟภายนอกเพื่อป้อนให้กับระบบความบันเทิงและระบบปรับอากาศ ผู้ใช้งานจึงสามารถเพลิดเพลินอยู่ภายในรถได้โดยไม่ต้องสตาร์ทรถ โดยที่รุ่น PHEV จะถูกติดตั้งแบตเตอรี่เอาไว้ใต้เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งจะช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลงและยังเป็นการเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระอีกด้วย
ด้านความปลอดภัยมีการปรับปรุงระบบ Toyota Safety Sense ให้สามารถตรวจจับวัตถุได้ไกลมากขึ้น พร้อมด้วยระบบ Toyota Teammate ที่มีฟังก์ชัน Advanced Park (with remote function) สามารถสั่งจอดรถและนำรถออกจากช่องจอดผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนได้ ทั้งยังมีระบบกระจกหลังแบบ Digital Inner Mirror ที่ใช้กล้องด้านหลังในการแสดงภาพแทนการใช้กระจกสะท้อนปกติ ทั้งยังมีระบบบันทึกภาพขณะขับขี่ที่สามารถเก็บข้อมูลเอาไว้ยังกล่อง ECU โดยตรง แต่ยังคงรองรับ SD Card เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูไฟล์ได้ทันที
ไม่เพียงเท่านี้ โตโยต้า พรีอุส ใหม่ ยังมีระบบจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกด้วยกำลังไฟสูงสุด 1,500 วัตต์ จำนวน 2 ตำแหน่ง (บริเวณด้านหลังคอนโซลกลางและห้องเก็บสัมภาระท้าย) โดยผู้ใช้สามารถเลือกโหมด BEV ที่ใช้พลังงานไฟจากแบตเตอรี่โดยไม่อาศัยเครื่องยนต์เลยแม้แต่น้อย หรือจะเป็นโหมด HEV ที่เครื่องยนต์จะติดขึ้นหากพบว่าแบตเตอรี่มีปริมาณต่ำ อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้ตัวรถสามารถจ่ายไฟได้แม้ว่าจะปิดกระจกเพื่อป้องกันฝนหรือแมลงเข้าไปในรถขณะใช้งาน
>> สายไฟที่ยื่นจากหน้าต่าง All-new Toyota PRIUS 2023 ใหม่ มีไว้ทำอะไร?
ส่วนรุ่น PHEV มาพร้อมหลังคาโซลาร์เจเนอเรชันที่ 2 ที่สามารถชาร์จไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ โดยโตโยต้าระบุว่าแผงโซลาร์ดังกล่าวสามารถผลิตกระแสไฟเพื่อเปลี่ยนเป็นระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 1,250 กิโลเมตรต่อปี และยังสามารถนำไฟฟ้าที่ได้ไปใช้กับระบบปรับอากาศและอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ภายในรถได้อีกด้วย
ทั้งนี้ All-new Toyota PRIUS HEV มีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงปลายปี 2022 นี้ ขณะที่ PRIUS PHEV จะเริ่มวางจำหน่ายอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2023 เป็นต้นไป
อัลบั้มภาพ 28 ภาพ