ราคารถยนต์ไฟฟ้า (EV) มือสองกำลังจะร่วงหนัก

     จะมีรถสักกี่รุ่นครับที่ราคารถเก่ามือสองแพงกว่ารถใหม่ป้ายแดง! ในรอบปีที่ผ่านมา ตลาดรถบ้านเรา มีรถบางรุ่นที่มือสองแพงกว่ามือหนึ่ง อาทิ ORA Good Cat ที่ในช่วงหนึ่งคนแห่จองกันจนผลิตและส่งรถไม่ทัน ทำให้ราคามือสองพุ่งแซงหน้า หรืออย่างโตโยต้า GR Yaris ที่นำเข้ามาขายในไทย 127 คัน แต่ยอดจองทะลุ 500 คัน ก็ส่งผลให้ราคามือสองพุ่งขึ้นเช่นกัน

     ในฝั่งสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน หากย้อนไปราวหนึ่งปี รถ EV มือสองแบรนด์ดังอย่างเทสล่า (Tesla) ที่แม้จะผ่านการใช้งานมาแล้ว ขับมาแล้วหลายหมื่นกิโลเมตร และไม่ใช่มือสองที่ซื้อมาจอดรอขายแบบในบ้านเรา กลายเป็นรถที่มีราคาเทียบเท่าหรือแพงกว่าเทสล่ามือหนึ่งด้วยซ้ำไปครับ

     เหตุผลที่ทำให้เทสล่ามือสองราคาพุ่งในช่วงก่อนหน้านี้ เป็นเพราะว่ากระแสความต้องการซื้อรถไฟฟ้าในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่กำลังผลิตไม่เพียงพอ ทำให้คนที่สั่งจองรถไว้ต้องรอคอยนานหลายเดือน ซึ่งก็คล้าย ๆ กับเคส ORA Good Cat ในบ้านเรา ทำให้ผู้ที่มีกำลังซื้อพร้อมจ่ายแพงกว่าเพื่อให้ได้รถ EV มาใช้งาน

     โดยหากย้อนไปในช่วงสงครามยูเครนที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขยับสูงขึ้น ผู้คนต่างกังวลเรื่องราคาน้ำมันที่อาจจะฉุดไม่อยู่ ทำให้ความต้องการรถ EV เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ถึงขนาดที่ว่าผู้ที่ได้รับรถใหม่ออกมาจากโชว์รูมยังไม่ทันจะข้ามวันก็ขายทำกำไรได้ทันที

     ทว่าล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า “ราคา” เทสล่ามือสองกำลังเป็นกราฟขาลงภายในเวลาไม่ถึง 5 เดือนครับ เป็นผลจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงมา รวมถึงกำลังผลิตรถใหม่ของเทสล่าที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรถ EV แบรนด์อื่น ๆ ก็ทยอยเปิดตัวกันอย่างคึกคักในช่วงปลายปี

     ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม 2022 ราคาเฉลี่ยเทสล่ามือสองในสหรัฐฯ ขยับสูงสุดที่คันละ 67,297 ยูเอสดอลลาร์ หรือราว 2.33 ล้านบาท แต่ตัวเลขในเดือนพฤศจิกายน ราคาเฉลี่ยหล่นลงมาที่ 55,754 ยูเอสดอลลาร์ หรือราว 1.93 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับว่าราคาลดลงมา 17 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

     มิหนำซ้ำเทสล่าเองยังอัดโปรโมชัน มอบส่วนลด 3,750 ยูเอสดอลลาร์ ในรุ่น Model 3 และส่วนลด 7,500 ยูเอสดอลลาร์ รุ่น Model Y พร้อมบริการฟรีซูเปอร์ชาร์จ 16,000 กิโลเมตร ให้กับลูกค้าที่ออกรถก่อนสิ้นปีอีกด้วย นั่นเท่ากับว่าฟองสบู่ของรถเทสล่ามือสองได้แตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     มาถึงบรรทัดนี้ หากเปรียบเทียบกับตลาด EV มือสองในบ้านเรา ต้องยอมรับว่ายังมีรถในตลาดไม่มากนัก แต่ด้วยการเติบโตของรถ EV ป้ายแดงหลาย ๆ ยี่ห้อ รวมถึงเทสล่าที่เข้ามาทำตลาดเอง โอกาสที่ราคา EV มือสองจะแซงหน้ามือหนึ่งคงเป็นไปได้ยากแล้ว แต่ประเด็นสำคัญที่ทุกคนอยากรู้คือ แบตเตอรี่ EV จะยืนระยะได้กี่ปี และเมื่อหมดการรับประกันจะต้องเปลี่ยนแบตหรือไม่

     ตัวเลขราคาการเปลี่ยนเฉพาะแบตเตอรี่ในสหรัฐฯอยู่ที่ 5,000-7,000 ยูเอสดอลลาร์ (ราว 1.7-2.4 แสนบาท) แต่ก็มีใบเสนอราคาของการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่แบบยกชุด ราคาสูงถึง 20,000-30,000 ยูเอสดอลลาร์ (ราว 6.9 แสนถึง 1 ล้านบาท) เลยทีเดียว!

     จริงอยู่ครับที่ อีลอน มัสก์ จะเคยทวีตข้อความว่า แบตเตอรี่เทสล่าใช้งานได้ยาวระดับ 3 แสนถึง 5 แสนไมล์ แต่รถ EV ส่วนใหญ่จะมีการรับประกันแบตเตอรี่อยู่ที่ 8-10 ปี เท่านั้น น่าสนใจว่าเมื่อพ้นระยะ 8-10 ปีไปแล้ว สถานการณ์ของราคา EV มือสองจะเป็นไปในทิศทางใด