ช่วงล่างมีเสียงดัง “หึ่งๆ” ขณะรถวิ่งเกิดจากสาเหตุอะไร?
เชื่อว่ามีเจ้าของรถจำนวนไม่น้อยเคยประสบปัญหาช่วงล่างรถมีเสียงดังหึ่งๆ ในขณะรถกำลังเคลื่อนที่ ยิ่งใช้ความเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ เสียงก็จะยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น วันนี้ Sanook Auto จะพาคุณผู้อ่านไปหาคำตอบกันว่าแท้จริงแล้วเสียงดังกล่าวมีสาเหตุมาจากอะไร
กรณีพบว่ารถมีเสียงครางหึ่งๆ จากช่วงล่างขณะรถกำลังเคลื่อนที่ มักมีสาเหตุหลักๆ มาจาก 2 ประการ ดังนี้
กรณีที่ 1 ลูกปืนล้อแตก
ปัญหาลูกปืนล้อแตกพบได้ค่อนข้างบ่อย และเกิดขึ้นได้กับรถทุกรุ่นทุกยี่ห้อ โดยรถจะส่งเสียงครางหึ่งๆ มาจากล้อข้างใดข้างหนึ่งของตัวรถ (หลายครั้งที่ผู้ขับขี่เองก็มักแยกไม่ออกว่าดังมาจากล้อใด) โดยระดับความดังจะสัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้น
วิธีการตรวจสอบว่าเสียงดังมาจากลูกปืนล้อจริงหรือไม่นั้น ช่างจะยกรถขึ้นลอยจากพื้น จากนั้นจะทำการหมุนล้อแต่ละข้าง หากพบว่ามีเสียงดังแก๊กๆ มาจากล้อใดล้อหนึ่ง แสดงว่ารถมีอาการลูกปิ่นแตกจริงๆ โดยค่าซ่อมมีตั้งแต่หลักร้อย ไปจนถึงหลายพันบาท โดยเฉพาะรถบางรุ่นที่มีเซ็นเซอร์ ABS อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งดุมล้อ ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
อาการลูกปืนล้อแตกในระยะเริ่มต้น จะส่งเสียงดังเป็นที่น่ารำคาญเท่านั้น มักไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายต่อการขับขี่เท่าใดนัก แต่หากปล่อยไว้นานๆ อาจทำให้เกิดอาการลูกปืนไหม้ ตัวรถอาจมีอาการเป๋ไปข้างใดข้างหนึ่ง และร้ายแรงที่สุดคืออาจทำให้ล้อล็อกกลางอากาศได้
กรณีที่ 2 ยางเสื่อมสภาพ
เสียงดังหึ่งๆ จากช่วงล่างอาจมีสาเหตุมาจากยางแข็งเสื่อมสภาพได้เช่นกัน ซึ่งเสียงดังจากยางจะมีลักษณะคล้ายกับเสียงจากลูกปืนล้ออย่างมาก ทำให้หลายครั้งแม้แต่ช่างเองก็ไม่สามารถแยกแยะต้นเหตุจากการฟังเพียงอย่างเดียวได้ จำเป็นต้องยกรถเพื่อทดสอบการหมุนของล้อเพื่อให้แน่ใจว่าเสียงเกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากยางจริงๆ
จุดสังเกตกรณีเสียงดังเกิดจากยางเสื่อมสภาพ เมื่อรถผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง จะพบว่าระดับเสียงไม่ได้ดังเพิ่มขึ้นจากเดิมไปมากนัก (เมื่อเทียบที่ระดับความเร็วใกล้เคียงกัน) แตกต่างจากกรณีลูกปืนล้อแตก ระดับเสียงมักจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 1 - 2 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งการแก้ไขทำได้เพียงแค่เปลี่ยนยางเส้นใหม่เท่านั้น
อย่างไรก็ดี ยังมีเสียงช่วงล่างอีกหลายแบบที่ไม่ได้เกิดจากลูกปืนล้อหรือยางเสื่อมสภาพ หากพบว่ามีเสียงดึงหึ่งๆ ในช่วงความเร็วใดความเร็วหนึ่งเท่านั้น (เช่น เสียงเริ่มดังที่ 40 กม./ชม. และหายไปเมื่อความเร็วเกิน 80 กม./ชม.) อาจเกิดจากเพลาขับหรือเฟืองท้ายก็เป็นได้ จำเป็นต้องเข้ารับการเช็กโดยช่างผู้ชำนาญการอย่างละเอียดอีกครั้ง