เปิดสเปก All-new Honda WR-V เวอร์ชันอินโดฯ มีลุ้นเตรียมขายไทยเร็วๆ นี้

     เปิดสเปก All-new Honda WR-V 2023 เวอร์ชันอินโดนีเซีย หลังจากมีกระแสข่าวว่าฮอนด้าประเทศไทยจะนำรถรุ่นนี้เข้ามาจำหน่ายในอนาคตอันใกล้ จะมีรายละเอียดน่าสนใจอย่างไรบ้างไปดูกันเลย

Honda WR-V เจเนอเรชันแรก

     Honda WR-V เป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์พิกัดซับคอมแพ็กที่พัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเจเนอเรชันที่ 2 แล้ว โดยเจเนอเรชันแรกถูกผลิตและวางจำหน่ายในประเทศบราซิลและอินเดียเป็นหลัก ขณะที่โฉมใหม่ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่ประเทศอินโดนีเซียเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา โดยถูกต่อยอดมาจากรถต้นแบบ SUV RS Concept ที่เคยเผยโฉมเมื่อปีก่อนหน้า พร้อมทั้งวางตำแหน่งทางการตลาดไว้เป็นครอสโอเวอร์ขนาดเล็กสุดรองลงมาจาก Honda BR-V ในปัจจุบัน

     All-new Honda WR-V 2023 ในประเทศอินโดนีเซียถูกแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น E, รุ่น RS และรุ่น RS Honda Sensing มีราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 279,400,000 - 317,400,000 บาท หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 640,000 - 720,000 บาท

อุปกรณ์มาตรฐานของ Honda WR-V รุ่น RS Honda Sensing เวอร์ชันอินโดนีเซีย

• ไฟหน้า Full LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ
• ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED
• ไฟเลี้ยว Sequential LED
• ไฟตัดหมอก LED
• กระจกมองข้างปรับ-พับอัตโนมัติ
• ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
• เบาะนั่งหุ้มหนังสลับผ้าแบบปรับมือ
• พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง
• กุญแจ Smart Key
• ระบบ One Push Ignition System
• ระบบ Remote Engine Start
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
• จอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว
• เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว
• Bluetooth
• ลำโพง 6 ตำแหน่ง
• กล้องมองหลัง Multi-angle View
• กล้องมองภาพมุมอับสายตา Honda LaneWatch
• ระบบความปลอดภัย Honda Sensing
• ระบบควบคุมเสถียรภาพ VSA
• ระบบไฟกระพริบฉุกเฉิน ESS
• ระบบ Walk-away Auto Lock
• จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
• เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ตำแหน่ง และแบบ 2 จุด 1 ตำแหน่ง
• ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า,​ ด้านข้าง, ม่านถุงลม)

     ด้านขุมพลังของ Honda WR-V ในอินโดนีเซียติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT เท่านั้น ติดตั้งช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม H-shape และระบบดิสก์เบรกด้านหน้า และดรัมเบรกด้านหลังทุกรุ่นย่อย

     ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดตัวในประเทศไทยต้องรอความคืบหน้าอย่างเป็นทางการอีกครั้ง