คิดให้ดีก่อนทำประกันภัยรถชั้น 2+ และ 3+
ผู้ใช้รถทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด สามารถเคลมได้แทบทุกกรณีไม่ว่ารถจะประสบอุบัติเหตุชนกับอะไรก็ตาม แต่ก็แลกมาด้วยค่าเบี้ยประกันภัยหลักหมื่นบาททุกๆ ปี หลายคนจึงมองหาทางเลือกด้วยการเปลี่ยนไปใช้ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ ที่ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 แต่มีค่าเบี้ยประกันถูกกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ทราบหรือไม่ว่าประกันชั้น 2+ และ 3+ อาจไม่ได้คุ้มค่าอย่างที่คิด
ประกันชั้น 2+ และ 3+ แตกต่างจากประกันชั้น 1 อย่างไร?
ประกันภัยชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุดทั้งร่างกายและทรัพย์สินของรถคันเอาประกันและคู่กรณี รวมถึงกรณีรถหาย ไฟไหม้ และประสบภัยธรรมชาติด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีจุดเด่นอยู่ที่การคุ้มครองอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี ต่อให้เป็นการเบียดฟุตบาท กระถางต้นไม้ ฯลฯ ก็สามารถเคลมได้ทั้งหมด
ขณะที่ประกันชั้น 2+ จะให้ความคุ้มครองเหมือนกับประกันชั้น 1 ทั้งหมด (ประกันชั้น 3+ ต่างกับชั้น 2+ โดยจะไม่คุ้มครองในกรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม) แต่จำเป็นต้องมีคู่กรณีเป็นพาหนะที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกได้เท่านั้นจึงจะสามารถเคลมได้ หากว่าเป็นการประสบอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี เจ้าของรถจะต้องจ่ายค่าซ่อมเองทั้งหมด
ถูกชนแล้วหนี ประกันชั้น 2+ และ 3+ ก็ไม่คุ้มครอง
แม้ว่าจะฝ่ายถูกชน แต่หากคู่กรณีมีการหลบหนี ไม่สามารถพิสูจน์ทราบคู่กรณีได้ กรณีเช่นนี้บริษัทประกันก็จะไม่รับผิดชอบเช่นกัน ดังนั้นรถที่ทำประกันชั้น 2+ หรือ 3+ จึงควรติดตั้งกล้องบันทึกการขับขี่เผื่อใช้ประกอบการเอาผิดกับคู่กรณีด้วย จะช่วยลดความเสี่ยงถูกประกันปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้
เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็ควรเลือกต่อประกันภัยรถยนต์ให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของคุณเองด้วยนะครับ