ภาพคันจริง TANK 500 Hybrid SUV เวอร์ชันไทย 100% ก่อนเปิดตัวที่งานมอเตอร์โชว์ 2023
ภาพคันจริงพร้อมสเปกเบื้องต้น TANK 500 Hybrid SUV เวอร์ชันไทยก่อนเปิดตัวที่งานมอเตอร์โชว์ 2023 พร้อมขุมพลังไฮบริด 2.0 ลิตรเทอร์โบ กำลังสูงสุด 350 แรงม้า มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ PRO และ ULTRA
GWM TANK 500 Hybrid SUV ถูกพัฒนาให้เป็นรถพรีเมียมเอสยูวี ภายใต้แบรนด์ GWM TANK ซึ่งเป็นแบรนด์ที่พัฒนารถเอสยูวีโดยเฉพาะ ถูกสร้างขึ้นบนแพล็ตฟอร์มออฟโรดอัจฉริยะ TANK ที่สามารถรองรับขุมพลังได้หลากหลาย โดยเวอร์ชันไทยจะเป็นเครื่องยนต์เบนซินไฮบริด 2.0 ลิตร พร้อมระบบเกียร์ DHT มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย คือ PRO และ ULTRA รวมถึงมีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ ขาว, ดำ, เทา, แดง และสีเทาคริสตัล (ใหม่)
ตัวถังของ TANK 500 Hybrid SUV มีขนาดความยาว 5,078 มม. ความกว้าง 1,934 มม. ความสูง 1,905 มม. และความยาวฐานล้อ 2,850 มม. ถูกออกแบบเน้นความหรูหราและแข็งแกร่ง ติดตั้งไฟหน้าแบบ Intelligent LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟ Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED รับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ถูกประดับด้วยโลโก้ TANK
ดีไซน์ด้านท้ายถูกออกแบบภายใต้แนวคิดออฟโรด ด้วยประตูท้ายแบบ Horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าเพื่อช่วยผ่อนแรงในการปิดประตูท้าย มาพร้อมยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้ายและกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่ ติดตั้งหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิก เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า บันไดข้างระบบไฟฟ้าที่สามารถยืดเข้า-ออกได้อัตโนมัติเมื่อเปิดหรือปิดประตู และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa โดยเบาะนั่งผู้ขับขี่สามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง เบาะนั่งคู่หน้ามาพร้อมฟังก์ชันนวดและระบบระบายอากาศที่ตัวเบาะ และสามารถปรับตำแหน่งเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าจากปุ่มควบคุมฝั่งคนขับได้ เบาะนั่งแถวที่ 2 มาพร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศ เสริมด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศ ขณะที่เบาะแถว 3 สามารถปรับพนักพิงด้วยไฟฟ้าได้
TANK 500 Hybrid SUV มาพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto สามารถแสดงแผนที่นำทางและข้อมูลการขับขี่ต่างๆ ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง Infinity 12 ตำแหน่ง และแอมปลิฟายเออร์อิสระ
นอกจากนี้ TANK 500 Hybrid SUV ยังถูกติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ เช่น ระบบเปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากตัวรถ ระบบกุญแจ Smart Key และ Push Start, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมกรองอากาศ PM2.5, ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, เกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter, นาฬิกาแบบคลาสสิก และไฟตกแต่งภายในห้องโดยสารพร้อมฟังก์ชันแบบหลายสี และกระพริบเป็นจังหวะ เป็นต้น
ขุมพลังของ TANK 500 Hybrid SUV ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 616 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ DHT พร้อมโหมดการขับขี่ 11 รูปแบบ อีกทั้งยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรด เช่น
ระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles) สร้างระบบขับเคลื่อนออฟโรดแบบ 3 Locks เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรด, ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) ที่สามารถส่งแรงเบรกไปยังล้อด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว ช่วยให้สามารถเลี้ยวในที่แคบได้ เป็นต้น
สำหรับรายละเอียดและราคาจำหน่ายติดตามได้อีกครั้งในงานมอเตอร์โชว์ 2023 ที่จะถึงนี้
อัลบั้มภาพ 31 ภาพ