Mercedes-Benz E-Class (W214) ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก
All-new Mercedes-Benz E-Class (W214) ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก ปรับดีไซน์เน้นความหรูหราเต็มพิกัด พร้อมไฟท้าย LED ส่องสว่างเป็นรูปดาวสามแฉก พร้อมขุมพลังที่มีให้เลือกทั้งเบนซิน ดีเซล และปลั๊กอินไฮบริด
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส รหัสตัวถัง W214 ใหม่ ถูกออกแบบให้มีรูปโฉมแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดดเด่นด้วยไฟหน้าที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่ เชื่อมเข้ากับกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมคว่ำที่ถูกตกแต่งด้วยกรอบสีดำคล้ายกับตระกูล Mercedes-EQ โดยรูปลักษณ์ของกระจังหน้าสามารถเลือกได้ทั้งแบบ Progressive และ Classic ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย อีกทั้งยังสามารถเลือกตกแต่งด้วยกระจังหน้าแบบเรืองแสงเป็นออปชันเสริมได้
ขณะที่ด้านท้ายของ E-Class W214 มีการออกแบบไฟท้ายในลักษณะทรงยาวซึ่งเป็นเทรนด์การออกแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปัจจุบัน แต่เพิ่มความแปลกตายิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายที่ส่องสว่างเป็นรูปดาวสามแฉก 2 ดวงในแต่ละข้าง
ตัวถังของ E-Class ใหม่ มีความยาวตลอดคันอยู่ที่ 4,949 มม. ความกว้าง 1,880 มม. ความสูง 1,468 มม. และความยาวฐานล้อ 2,961 มม. โดยผู้โดยสารตอนหลังจะได้ดึ่มด่ำกับความยาวฐานล้อที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เซนติเมตรเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้ว ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายมีขนาดความจุ 540 ลิตร
ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX Superscreen ขนาดใหญ่เป็นพิเศษ โดยลูกค้าสามารถเลือกออปชันเสริมเป็นหน้าจอเพิ่มเติมสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าได้ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงอินเตอร์เฟซให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ระบุว่าระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX ใหม่นี้ยังมีการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพและสามารถรับ-ส่งข้อมูลออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
Mercedes-Benz E-Class ใหม่ ยังมีการติดตั้งระบบกุญแจดิจิทัล (Digital Vehicle Key) ทำงานคู่กับ iPhone และ Apple Watch ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถล็อกและปลดล็อกประตูได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ อีกทั้งยังสามารถแชร์กุญแจดิจิทัลดังกล่าวให้กับสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนสูงสุดถึง 16 คน และยังสามารถแยกสิทธิ์การเข้าถึงตัวรถเฉพาะของแต่ละบุคคล เช่น ให้สิทธิ์เพื่อการล็อกหรือปลดล็อกประตูเท่านั้น หรือให้สิทธิ์ในการขับขี่รถได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ใหม่ ยังมีฟังก์ชัน Active Ambient Lighting (จำหน่ายเป็นออปชันเสริม) และ Sound Visualisation โดยไฟตกแต่งรอบห้องโดยสารสามารถกระพริบตามเสียงเพลง เสียงจากภาพยนตร์ รวมถึงแอปพลิเคชันที่ใช้งานอยู่ในขณะนั้น โดยหากเป็นเพลงที่มีจังหวะเร็ว ไฟก็จะกระพริบเร็วตาม แต่หากเป็นเพลงที่มีท่วงทำนองช้าๆ ไฟก็จะค่อยๆ เปลี่ยนเพื่อสร้างบรรยากาศให้เข้ากับเสียงที่ถูกขับออกจากลำโพงในขณะนั้น
Mercedes-Benz E-Class W214 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากมาย เช่น ระบบเลี้ยวล้อหลัง (Rear-axle Steering) ที่สามารถปรับองศาของล้อหลังได้สูงสุด 4.5 องศา เพื่อลดวงเลี้ยวได้มากสุดถึง 90 เซนติเมตร ระบบ ATTENTION ASSIST ที่ปรับปรุงเพิ่มความสามารถในการหยุดรถอัตโนมัติหากผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองต่อสัญญาณแจ้งเตือน รวมถึงช่องแอร์แบบ Digital Vent Control ที่สามารถปรับการกระจายแรงลมได้โดยอัตโนมัติ เป็นต้น
สำหรับขุมพลังของ Mercedes-Benz E-Class ที่เปิดตัวในระยะแรกมีทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 197 แรงม้า (HP) ในรหัส E 220 d, เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ในรหัส E200, เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 204 แรงม้า ในรหัส E 300 e หรือจะเพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 252 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นมาตรฐานภายใต้รหัส E 400 e 4MATIC
ขณะที่การเปิดตัวในประเทศไทยจะมีขึ้นอีกครั้ง
อัลบั้มภาพ 45 ภาพ