MG เปิดเซ็กเมนต์ใหม่ส่ง “MG MAXUS 9” ลักชัวรี่ MPV ไฟฟ้า100% เพิ่มตัวเลือก EV ในตลาดเมืองไทย
ตลาดรถยนต์ EV กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด ด้าน MG ใช้ข้อได้เปรียบในการเป็นผู้บุกเบิกตลาด EV ในเมืองไทย ที่ไม่เพียงครองตำแหน่งค่ายรถยนต์ที่มีรุ่นรถไฟฟ้ามากที่สุดในตลาด แต่ยังเป็นแบรนด์รถไฟฟ้าที่มีสถานีชาร์จเป็นของตัวเองมากที่สุด เปิดให้บริการแล้วกว่า 130 แห่ง ทั่วประเทศ ในปี 2566 ดูจะเอาจริงกับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยด้วยการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าจนน่าจับตามอง
ล่าสุด MG กระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นในกลุ่ม MPV ชูจุดเด่นด้วยความเป็นรถไฟฟ้า 100% กลายเป็นเซ็กเมนต์ใหม่กับโมเดล 'NEW MG MAXUS 9' e-MPV แบบ 7 ที่นั่ง
ถอดโครงสร้าง ‘NEW MG MAXUS 9’ ลักชัวรี่ MPV ไฟฟ้า100% ที่ยกระดับตลาด EV ไทย
NEW MG MAXUS 9 รถลักชัวรี่ MPV ไฟฟ้า100% แบบ 7 ที่นั่ง มาพร้อมกับความหรูหรา พรีเมียม อันแน่นไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เติมเต็มในเรื่องความสะดวกสบาย และความปลอดภัยอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากรูปลักษณ์ที่หรูหรา วัสดุที่เลือกใช้ต่างให้ผิวสัมผัสที่มีคุณภาพ หลังคา Dual Panoramic Sunroof ยาวถึงด้านหลังทำให้ห้องโดยสารดูโปร่ง โล่ง ภายในเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นและฟีเจอร์ล้ำสมัย สะดวกสบายไม่เว้นแม้กระทั่งตำแหน่งคนขับที่มีเบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารในตำแหน่งข้างคนขับปรับอัตโนมัติ 4 ทิศทาง กระจกมองหลังแบบ Streaming Media Rearview Mirror ที่คมชัด และตัดแสงอัตโนมัติ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Interactive Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมลำโพง 12 จุด และที่บ่งบอกความ Luxury ของรถรุ่นนี้ ดูจะเป็นเบาะนั่งแถวที่สองซึ่งเป็นแบบ VIP Captain Seat ที่มีระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด และสามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามต้องการ พร้อมระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และรองรับการเชื่อมต่อครบทุกรูปแบบ
ด้านประสิทธิภาพการขับขี่ไม่ทำให้เสียชื่อรถไฟฟ้าแน่นอน ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุขนาด 90 kWh พร้อมระบบระบายความร้อน ให้ระยะวิ่งสูงสุดที่ 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์
รองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบทั้งแบบ Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% - 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh และ Normal Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 5% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh อย่างที่ทราบกันดีว่า ระยะเวลาในการชาร์จ จะขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลือรวมถึงกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้าด้วย จากตัวเลขข้างต้นถือว่าสะดวกต่อการเดินทางไกลพอสมควรเลยทีเดียว
อีกทั้งโมเดลนี้ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย 5 ดาว ทั้ง EURO NCAP และ AUSTRALIAN NCAP ทั้งระบบโครงสร้างนิรภัยปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 25 ระบบ
มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น X – LUXURY ที่มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีขาว จัดจำหน่ายในราคา 2.499 ล้านบาท และ รุ่น V – SUPER LUXURY ที่มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ และสีขาว จัดจำหน่ายในราคา 2.699 ล้านบาท และสีพิเศษเทาหลังคาดำ แกรนิต เกรย์ เพิ่ม อีก 30,000 บาท
โดยยังคงเปิดรับจองกับข้อเสนอพิเศษตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 31 พ.ค. 2566
- ดอกเบี้ย 1.79% ผ่อนนาน 48 เดือน
- ฟรี MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด มูลค่า 42,057 บาท
- ฟรี ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER มูลค่า 18,692 บาท
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
- พิเศษ! เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- พิเศษ! ขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการรถ Limousine Service กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอด 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
หากนับรวม NEW MG MAXUS 9 รุ่นใหม่ล่าสุด จนถึงตอนนี้ MG ถือได้ว่าเป็นค่ายรถยนต์รายแรกที่มีรุ่นรถไฟฟ้ามากที่สุดในตลาดรวม 5 รุ่น ได้แก่ NEW MG ZS EV, NEW MG EP, NEW MG4 ELECTRIC, NEW MG ES และ NEW MG MAXUS 9 เป็นไปตามพันธกิจที่ MG เคยประกาศว่า จะเอาจริงเรื่องการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์รวมถึงผลักดันให้เกิดการระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนในเมืองไทย
ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์แรกที่มี ‘MG SUPER CHARGE’ เป็นของตัวเอง
จะเรียกว่าเป็นข้อได้เปรียบก็ไม่ผิดนัก เพราะตอนนี้ MG มี ‘MG SUPER CHARGE’ ที่พร้อมให้บริการกว่า 130 แห่ง กระจายไปยังจุดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าที่จะเสริมความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่รถไฟฟ้าว่าทุกๆ การขับขี่ไม่เกิน 150 กิโลเมตรจะเข้าถึงจุด QUICK CHARGE ของ MG ได้ และยังมีแผนที่จะขยายสถานีบริการต่อเนื่อง รวมถึงขยายศูนย์บริการทั่วประเทศให้สามารถรองรับบริการรถยนต์ไฟฟ้าของลูกค้า เอ็มจี เพื่อให้คนไทย อุ่นใจในการใช้รถอีวีได้ในทุกพื้นที่
MG ทุ่มงบ 500 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เสริมระบบนิเวศรถไฟฟ้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เพื่อรองรับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้แข็งแกร่ง ล่าสุด MG ทุ่มงบกว่า 500 ล้านบาท ในเฟสแรกพัฒนาพื้นที่ภายใน ในพื้นที่ NEW ENERGY INDUSTRIAL PARK กว่า 75 ไร่ สำหรับสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ประกอบไปด้วย อาคารโรงงานสำหรับการพัฒนาชิ้นส่วนโมดูลแบตเตอรี่ รวมถึงไลน์การผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของ MG และพื้นที่สำหรับพัฒนาชิ้นส่วนสำหรับการประกอบรถยนต์ MG ร่วมกับพาร์ตเนอร์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มลานจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้าโลจิสติกส์แห่งใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการขนส่ง
ผู้ที่สนใจสามารถจองรถไฟฟ้า 100% ทั้ง 5 รุ่น ได้ที่ เว็บไซต์ https://onlinebooking.mgcars.com/ และแอพพลิเคชัน MG THAILAND หรือทดลองขับและสัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำได้ที่โชว์รูมเอ็มจีทั่วประเทศ
[Advertorial]