รีวิว Tesla Model 3 RWD รถไฟฟ้าตัวจี๊ดกับสมรรถนะเกินราคา
ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรากำลังเติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง อันจะเห็นได้จากยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ดันให้ไทยกลายเป็นเบอร์ 1 ของตลาดอาเซียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งค่ายรถยนต์ทั้งฝั่งเอเชีย, ยุโรป และอเมริกา ก็ต่างทยอยเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นรวมไปถึงแบรนด์ Tesla ที่เพิ่งทำตลาดในประเทศไทยเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และสร้างกระแสตอบรับได้ดีเกินความคาดหมายของใครหลายคน
เทสลา ประเทศไทย ประเดิมทำตลาดในไทย 2 รุ่น นั่นคือ Model 3 และ Model Y โดยทั้งคู่ต่างก็แยกเป็น 3 รุ่นย่อยเหมือนกัน ประกอบด้วย Rear-Wheel Drive, Long-Range และ Performance ซึ่งต่างก็พัฒนาขึ้นเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
สำหรับ Tesla Model 3 RWD (Rear-Wheel Drive) ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากเทสลาที่มีราคาจำหน่ายเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ด้วยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,759,000 บาท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงรุ่นเริ่มต้น แต่ก็ถือว่าดีเกินพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และกลายมาเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถไฟฟ้าในระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท
รูปลักษณ์ภายนอกทันสมัย ภายในเน้นความมินิมอล
เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับรูปลักษณ์ภายนอกของ Tesla Model 3 กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะมีจุดเด่นอยู่ที่เส้นสายเน้นความล้ำสมัยควบคู่ไปกับความปราดเปรียว การออกแบบไร้กระจังหน้าสะท้อนว่ารถคันนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบ 100% มาพร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Full-LED ดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา และถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้น ก็จะได้หลังคากระจกแบบเต็มผืนโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแต่อย่างใด
นอกจากนี้ Tesla Model 3 RWD ยังมาพร้อมมือเปิดประตูภายนอกแบบเรียบไปกับตัวถัง, ล้อ Aero Wheels ขนาด 18 นิ้ว ที่มีลักษณะเป็นล้ออัลลอยปิดด้วยฝาครอบล้ออีกชั้นเพื่อลดแรงต้านอากาศ รวมไปถึงกุญแจแบบ Key Card ที่มีขนาดเท่าบัตรเครดิต ซึ่งสามารถล็อกหรือปลดล็อกประตูด้วยการนำคีย์การ์ดไปแตะกับเซ็นเซอร์บริเวณเสา B-pillar ฝั่งผู้ขับ เหมาะสำหรับการพกไว้ในกระเป๋าสตางค์ และใช้กระเป๋าสตางค์แตะแทนกุญแจรถนั่นเอง
Tesla Model 3 (รวมถึง Model Y) ทุกคันจะถูกติดตั้งระบบ Autopilot เป็นมาตรฐาน ซึ่งมีฟังก์ชันการทำงานแบบเบสิก ได้แก่ ระบบ Traffic-Aware Cruise Control ที่สามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าได้ และระบบ Autosteer ที่สามารถตรวจจับเลนและคอยประคองรถให้อยู่ในเลนได้
แต่หากต้องการฟังก์ชันการทำงานที่เพิ่มขึ้น สามารถเลือกซื้อแพ็กเกจ Enhanced Autopilot (EAP) ที่มีฟังก์ชัน Auto Lane Change เปลี่ยนเลนอัตโนมัติเมื่อเปิดไฟเลี้ยว, ระบบ Navigate on Autopilot ที่สามารถทำงานควบคู่กับระบบนำทาง, ระบบ Autopark ช่วยจอดอัตโนมัติ, ระบบ Summon สามารถควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และระบบ Smart Summon ที่สามารถที่สามารถเคลื่อนที่มาหาเจ้าของรถได้ด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้แลกมากับราคาที่ต้องจ่ายเพิ่ม 122,000 บาท
ส่วน Full Self-Driving Capability (FSD) จะได้ฟังก์ชันทั้งหมดแบบเดียวกับ EAP และเพิ่มเติมด้วยระบบ Traffic and Stop Sign Control ที่สามารถตรวจจับสัญญาณไฟจราจรและชะลอความเร็วเองได้ และระบบ Autosteer on city streets ที่สามารถขับขี่อัตโนมัติในเมืองได้เต็มรูปแบบ แลกกับราคาที่จ่ายเพิ่ม 244,000 บาท โดยออปชันทั้ง 2 แพ็กเกจสามารถเลือกซื้อภายหลังผ่านทางออนไลน์ แม้ว่าจะรับรถไปแล้วก็ตาม
ถึงแม้ว่าปัจจุบันระบบ FSD จะยังไม่รองรับการทำงานในประเทศไทย แต่เทสลาเองแนะนำว่าหากคิดจะใช้งานในอนาคตอยู่แล้วล่ะก็ ให้รีบซื้อตั้งแต่ขั้นตอนสั่งรถไปเลย เพราะมีโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นเมื่อฟังก์ชันทั้งหมดถูกเปิดให้ใช้งานโดยสมบูรณ์แล้ว
ส่วนห้องโดยสารของ Tesla Model 3 สามารถรองรับได้ 5 ที่นั่ง โดยมีพื้นที่ห้องโดยสารอยู่ในระดับเดียวกับรถคอมแพ็ก C-segment ทั่วไป เหมาะสำหรับการเน้นใช้งาน 1-2 คนเป็นประจำ และเดินทางไปเป็นครอบครัวในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ แต่การที่ติดตั้งหลังคาแบบกระจกขนาดใหญ่ก็ช่วยให้ห้องโดยสารดูโปร่งโล่งมากขึ้นเยอะทีเดียว แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าตัวกระจกจะเป็นแบบยึดตายตัว ไม่สามารถเปิด-ปิดเหมือนซันรูฟได้ และจะไม่มีม่านที่สามารถเลื่อนปิดเพื่อบังแดดได้เลย
การตกแต่งภายในห้องโดยสารเรียกได้ว่ามินิมอลกันแบบสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นรถที่มีปุ่มน้อยที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา เพราะทุกอย่างจะถูกควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสที่ติดตั้งเอาไว้กลางคอนโซล ซึ่งทุกอย่างในที่นี้หมายถึงทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันเบสิกอย่างการเปิด-ปิดไฟหน้ารถ, การควบคุมระบบปรับอากาศ หรือแม้กระทั่งจะเปิดกล่องเก็บของหน้ารถก็ต้องกดผ่านหน้าจอสัมผัสนี้เหมือนกัน
ส่วนบริเวณรอบๆ พวงมาลัยจะมีก้านไฟเลี้ยวอยู่ทางซ้าย และก้านเปลี่ยนเกียร์อยู่ทางขวา โดยที่ก้านฝั่งขวาจะใช้สำหรับเปิดการใช้งานระบบ Autopilot ด้วยเช่นกัน
สมรรถนะจี๊ดจ๊าดเกินคาด
ในด้านการขับขี่ต้องยอมรับว่าแม้จะเป็นเพียงรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ต่างจากอีกสองรุ่นย่อยที่เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แต่สมรรถนะของ Tesla Model 3 RWD ก็ถือว่าแรงเพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากแล้ว โดยเทสลาเคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ 6.1 วินาที และความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม. ขณะที่แบตเตอรี่สามารถขับเคลื่อนได้ไกลสูงสุด 559 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ส่วนระยะทางวิ่งจริงป้วนเปี้ยนอยู่ราว 400 กิโลเมตรบวกลบ
การเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งทำได้อย่างฉับไวตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า ไร้ซึ่งอาการ Lag ใดๆ ทั้งสิ้น เผลอแป๊ปเดียวก็สามารถทำความเร็วแตะ 120 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น เช่นเดียวกับการเร่งแซงรถคันอื่นที่เพียงแค่กดคันเร่งลงไปเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะทิ้งห่างรถคันข้างๆ ให้กลายเป็นเงาสะท้อนไกลลิบๆ อยู่บนกระจกมองหลังเท่านั้น ต่อให้เป็นเพียงรุ่น Single-motor ก็เถอะ แค่นี้ก็ถือว่าแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้วจริงๆ
ขณะที่ช่วงล่างของ Model 3 ก็ทำได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ เพราะถือว่าเซ็ตมาในระดับที่พอเหมาะพอเจาะสำหรับการใช้งานจริงบนถนนเมืองไทย มีความติดแข็งเล็กน้อย แลกมากับความมั่นใจในการขับขี่ที่ความเร็วสูง แต่ก็ไม่ได้ตึงตึงจนน่ารำคาญในเวลาที่ขับผ่านพื้นผิวขรุขระ เรียกได้ว่าเป็นรถที่ขับสนุกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ใช้ระยะทางไปทั้งสิ้น 179 กิโลเมตร มีแบตเตอรี่คงเหลืออยู่ที่ 43% โดยเราได้แวะชาร์จไฟที่สถานี EV Station Pluz ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. บริเวณถนนวิภาวดีขาเข้า ใช้เวลาชาร์จไปทั้งสิ้น 41 นาที ได้ไฟกลับมาอยู่ที่ระดับ 99% พร้อมจ่ายค่าเสียหายไปทั้งหมด 220.90 บาท (ค่าไฟ On-peak สมัยนั้นคิดอยู่ที่หน่วยละ 7.5 บาท ปัจจุบันขึ้นเป็น 8.5 บาทแล้ว) คิดเฉลี่ยตกกิโลเมตรละ 1.2 บาทโดยประมาณ ซึ่งถือว่าถูกกว่ารถ C-segment เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ติดแก๊ส LPG ด้วยซ้ำไป
Tesla Model 3 RWD เหมาะกับใคร?
สำหรับ Tesla Model 3 RWD ค่อนข้างเหมาะสำหรับใครที่คิดจะเริ่มต้นเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเน้นไปที่การขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ขับออกต่างจังหวัดใกล้ๆ ในบางโอกาส กับราคาเริ่มต้นไม่ถึง 1.8 ล้านบาท หากเทียบกับรถในกลุ่ม Compact Luxury ฝั่งยุโรปก็ถือว่ากินเรียบทั้งหมด เพราะราคานี้ยังเป็นเจ้าของ Mercedes-Benz A-Class ไม่ได้เลย ขณะที่ Tesla Model 3 สามารถมอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 6 วินาทีกว่า แถมยังแลกกับชื่อชั้นระดับโลกของเทสลา เรียกได้ว่าวินาทีนี้ไม่มีใครเทียบได้แล้วล่ะครับ
อัลบั้มภาพ 25 ภาพ