รีวิว Tesla Model 3 RWD รถไฟฟ้าตัวจี๊ดกับสมรรถนะเกินราคา

รีวิว Tesla Model 3 RWD รถไฟฟ้าตัวจี๊ดกับสมรรถนะเกินราคา

รีวิว Tesla Model 3 RWD รถไฟฟ้าตัวจี๊ดกับสมรรถนะเกินราคา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเรากำลังเติบโตขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง อันจะเห็นได้จากยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่ดันให้ไทยกลายเป็นเบอร์ 1 ของตลาดอาเซียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งค่ายรถยนต์ทั้งฝั่งเอเชีย, ยุโรป และอเมริกา ก็ต่างทยอยเปิดตัวรถไฟฟ้ารุ่นใหม่กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นรวมไปถึงแบรนด์ Tesla ที่เพิ่งทำตลาดในประเทศไทยเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และสร้างกระแสตอบรับได้ดีเกินความคาดหมายของใครหลายคน

     เทสลา ประเทศไทย ประเดิมทำตลาดในไทย 2 รุ่น นั่นคือ Model 3 และ Model Y โดยทั้งคู่ต่างก็แยกเป็น 3 รุ่นย่อยเหมือนกัน ประกอบด้วย Rear-Wheel Drive, Long-Range และ Performance ซึ่งต่างก็พัฒนาขึ้นเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน

     สำหรับ Tesla Model 3 RWD (Rear-Wheel Drive) ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากเทสลาที่มีราคาจำหน่ายเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ด้วยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1,759,000 บาท ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเพียงรุ่นเริ่มต้น แต่ก็ถือว่าดีเกินพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน และกลายมาเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่กำลังมองหารถไฟฟ้าในระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท

รูปลักษณ์ภายนอกทันสมัย ภายในเน้นความมินิมอล

     เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับรูปลักษณ์ภายนอกของ Tesla Model 3 กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะมีจุดเด่นอยู่ที่เส้นสายเน้นความล้ำสมัยควบคู่ไปกับความปราดเปรียว การออกแบบไร้กระจังหน้าสะท้อนว่ารถคันนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบ 100% มาพร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Full-LED ดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา และถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเริ่มต้น ก็จะได้หลังคากระจกแบบเต็มผืนโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแต่อย่างใด

tesla_model3_47

     นอกจากนี้ Tesla Model 3 RWD ยังมาพร้อมมือเปิดประตูภายนอกแบบเรียบไปกับตัวถัง, ล้อ Aero Wheels ขนาด 18 นิ้ว ที่มีลักษณะเป็นล้ออัลลอยปิดด้วยฝาครอบล้ออีกชั้นเพื่อลดแรงต้านอากาศ รวมไปถึงกุญแจแบบ Key Card ที่มีขนาดเท่าบัตรเครดิต ซึ่งสามารถล็อกหรือปลดล็อกประตูด้วยการนำคีย์การ์ดไปแตะกับเซ็นเซอร์บริเวณเสา B-pillar ฝั่งผู้ขับ เหมาะสำหรับการพกไว้ในกระเป๋าสตางค์ และใช้กระเป๋าสตางค์แตะแทนกุญแจรถนั่นเอง

     Tesla Model 3 (รวมถึง Model Y) ทุกคันจะถูกติดตั้งระบบ Autopilot เป็นมาตรฐาน ซึ่งมีฟังก์ชันการทำงานแบบเบสิก ได้แก่ ระบบ Traffic-Aware Cruise Control ที่สามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าได้ และระบบ Autosteer ที่สามารถตรวจจับเลนและคอยประคองรถให้อยู่ในเลนได้

สามารถเปิดการทำงานระบบ Autopilot ด้วยการกดก้านเกียร์ลง 2 ครั้งสามารถเปิดการทำงานระบบ Autopilot ด้วยการกดก้านเกียร์ลง 2 ครั้ง

     แต่หากต้องการฟังก์ชันการทำงานที่เพิ่มขึ้น สามารถเลือกซื้อแพ็กเกจ Enhanced Autopilot (EAP) ที่มีฟังก์ชัน Auto Lane Change เปลี่ยนเลนอัตโนมัติเมื่อเปิดไฟเลี้ยว, ระบบ Navigate on Autopilot ที่สามารถทำงานควบคู่กับระบบนำทาง, ระบบ Autopark ช่วยจอดอัตโนมัติ, ระบบ Summon สามารถควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ และระบบ Smart Summon ที่สามารถที่สามารถเคลื่อนที่มาหาเจ้าของรถได้ด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้แลกมากับราคาที่ต้องจ่ายเพิ่ม 122,000 บาท

     ส่วน Full Self-Driving Capability (FSD) จะได้ฟังก์ชันทั้งหมดแบบเดียวกับ EAP และเพิ่มเติมด้วยระบบ Traffic and Stop Sign Control ที่สามารถตรวจจับสัญญาณไฟจราจรและชะลอความเร็วเองได้ และระบบ Autosteer on city streets ที่สามารถขับขี่อัตโนมัติในเมืองได้เต็มรูปแบบ แลกกับราคาที่จ่ายเพิ่ม 244,000 บาท โดยออปชันทั้ง 2 แพ็กเกจสามารถเลือกซื้อภายหลังผ่านทางออนไลน์ แม้ว่าจะรับรถไปแล้วก็ตาม

     ถึงแม้ว่าปัจจุบันระบบ FSD จะยังไม่รองรับการทำงานในประเทศไทย แต่เทสลาเองแนะนำว่าหากคิดจะใช้งานในอนาคตอยู่แล้วล่ะก็ ให้รีบซื้อตั้งแต่ขั้นตอนสั่งรถไปเลย เพราะมีโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นเมื่อฟังก์ชันทั้งหมดถูกเปิดให้ใช้งานโดยสมบูรณ์แล้ว

tesla_model3_41

     ส่วนห้องโดยสารของ Tesla Model 3 สามารถรองรับได้ 5 ที่นั่ง โดยมีพื้นที่ห้องโดยสารอยู่ในระดับเดียวกับรถคอมแพ็ก C-segment ทั่วไป เหมาะสำหรับการเน้นใช้งาน 1-2 คนเป็นประจำ และเดินทางไปเป็นครอบครัวในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ แต่การที่ติดตั้งหลังคาแบบกระจกขนาดใหญ่ก็ช่วยให้ห้องโดยสารดูโปร่งโล่งมากขึ้นเยอะทีเดียว แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าตัวกระจกจะเป็นแบบยึดตายตัว ไม่สามารถเปิด-ปิดเหมือนซันรูฟได้ และจะไม่มีม่านที่สามารถเลื่อนปิดเพื่อบังแดดได้เลย

     การตกแต่งภายในห้องโดยสารเรียกได้ว่ามินิมอลกันแบบสุดๆ เรียกได้ว่าเป็นรถที่มีปุ่มน้อยที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมา เพราะทุกอย่างจะถูกควบคุมผ่านหน้าจอสัมผัสที่ติดตั้งเอาไว้กลางคอนโซล ซึ่งทุกอย่างในที่นี้หมายถึงทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันเบสิกอย่างการเปิด-ปิดไฟหน้ารถ, การควบคุมระบบปรับอากาศ หรือแม้กระทั่งจะเปิดกล่องเก็บของหน้ารถก็ต้องกดผ่านหน้าจอสัมผัสนี้เหมือนกัน

tesla_model3_11

     ส่วนบริเวณรอบๆ พวงมาลัยจะมีก้านไฟเลี้ยวอยู่ทางซ้าย และก้านเปลี่ยนเกียร์อยู่ทางขวา โดยที่ก้านฝั่งขวาจะใช้สำหรับเปิดการใช้งานระบบ Autopilot ด้วยเช่นกัน

สมรรถนะจี๊ดจ๊าดเกินคาด

     ในด้านการขับขี่ต้องยอมรับว่าแม้จะเป็นเพียงรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ต่างจากอีกสองรุ่นย่อยที่เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แต่สมรรถนะของ Tesla Model 3 RWD ก็ถือว่าแรงเพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากแล้ว โดยเทสลาเคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ 6.1 วินาที และความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม. ขณะที่แบตเตอรี่สามารถขับเคลื่อนได้ไกลสูงสุด 559 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ส่วนระยะทางวิ่งจริงป้วนเปี้ยนอยู่ราว 400 กิโลเมตรบวกลบ

tesla_model3_15

     การเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งทำได้อย่างฉับไวตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้า ไร้ซึ่งอาการ Lag ใดๆ ทั้งสิ้น เผลอแป๊ปเดียวก็สามารถทำความเร็วแตะ 120 กม./ชม. ได้อย่างไม่ยากเย็น เช่นเดียวกับการเร่งแซงรถคันอื่นที่เพียงแค่กดคันเร่งลงไปเล็กน้อย ก็เพียงพอที่จะทิ้งห่างรถคันข้างๆ ให้กลายเป็นเงาสะท้อนไกลลิบๆ อยู่บนกระจกมองหลังเท่านั้น ต่อให้เป็นเพียงรุ่น Single-motor ก็เถอะ แค่นี้ก็ถือว่าแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้วจริงๆ

     ขณะที่ช่วงล่างของ Model 3 ก็ทำได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ เพราะถือว่าเซ็ตมาในระดับที่พอเหมาะพอเจาะสำหรับการใช้งานจริงบนถนนเมืองไทย มีความติดแข็งเล็กน้อย แลกมากับความมั่นใจในการขับขี่ที่ความเร็วสูง แต่ก็ไม่ได้ตึงตึงจนน่ารำคาญในเวลาที่ขับผ่านพื้นผิวขรุขระ เรียกได้ว่าเป็นรถที่ขับสนุกรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

tesla_model3_09

     สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ใช้ระยะทางไปทั้งสิ้น 179 กิโลเมตร มีแบตเตอรี่คงเหลืออยู่ที่ 43% โดยเราได้แวะชาร์จไฟที่สถานี EV Station Pluz ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. บริเวณถนนวิภาวดีขาเข้า ใช้เวลาชาร์จไปทั้งสิ้น 41 นาที ได้ไฟกลับมาอยู่ที่ระดับ 99% พร้อมจ่ายค่าเสียหายไปทั้งหมด 220.90 บาท (ค่าไฟ On-peak สมัยนั้นคิดอยู่ที่หน่วยละ 7.5 บาท ปัจจุบันขึ้นเป็น 8.5 บาทแล้ว) คิดเฉลี่ยตกกิโลเมตรละ 1.2 บาทโดยประมาณ ซึ่งถือว่าถูกกว่ารถ C-segment เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ติดแก๊ส LPG ด้วยซ้ำไป

Tesla Model 3 RWD เหมาะกับใคร?

     สำหรับ Tesla Model 3 RWD ค่อนข้างเหมาะสำหรับใครที่คิดจะเริ่มต้นเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า โดยเน้นไปที่การขับขี่ในเมืองเป็นหลัก ขับออกต่างจังหวัดใกล้ๆ ในบางโอกาส กับราคาเริ่มต้นไม่ถึง 1.8 ล้านบาท หากเทียบกับรถในกลุ่ม Compact Luxury ฝั่งยุโรปก็ถือว่ากินเรียบทั้งหมด เพราะราคานี้ยังเป็นเจ้าของ Mercedes-Benz A-Class ไม่ได้เลย ขณะที่ Tesla Model 3 สามารถมอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 6 วินาทีกว่า แถมยังแลกกับชื่อชั้นระดับโลกของเทสลา เรียกได้ว่าวินาทีนี้ไม่มีใครเทียบได้แล้วล่ะครับ

อัลบั้มภาพ 25 ภาพ

อัลบั้มภาพ 25 ภาพ ของ รีวิว Tesla Model 3 RWD รถไฟฟ้าตัวจี๊ดกับสมรรถนะเกินราคา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook