Toyota Innova ZENIX 2024 พื้นฐาน TNGA ขุมพลังไฮบริด 2.0 ลิตรเปิดตัวที่มาเลเซีย
Toyota Innova ZENIX 2023-2024 ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศมาเลเซียเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร และไฮบริด 2.0 ลิตร เคาะราคาจำหน่ายระหว่าง 165,000 - 202,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือคิดเป็นเงินไทยตกประมาณ 1,250,000 - 1,530,000 บาท
Toyota Innova ZENIX ที่วางหน่ายในมาเลเซียมีรูปลักษณ์ถอดแบบมาจากเวอร์ชันอินโดนีเซียที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยครั้งนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์ม TNGA เช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง แตกต่างจาก Innova รุ่นก่อนหน้าที่พัฒนาขึ้นบนโครงสร้างแบบ Body-on-frame ร่วมกับ Hilux และ Fortuner อันจะเห็นได้จากการเปลี่ยนไปใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม
ในเวอร์ชันมาเลเซียมีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่นย่อย คือ 2.0 V (เครื่องยนต์เบนซิน) และ 2.0 HEV (เครื่องยนต์ไฮบริด) โดยทั้งคู่ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานภายนอก เช่น ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED, กระจกมองข้างปรับ-พับด้วยไฟฟ้า พร้อม Welcome Lamp, ที่ปัดน้ำฝนแบบปรับตั้งหน่วงเวลาได้, เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว โดยที่รุ่นไฮบริดจะถูกเพิ่มเติมด้วยหลังคา Panoramic Sunroof
ภายในห้องโดยสารถูกจัดวางเบาะนั่งแบบ 3 แถว โดยรุ่น 2.0 V จัดวางที่นั่งแบบ 2-3-3 รองรับได้สูงสุด 8 ที่นั่ง (พร้อมเข็มขัดนิรภัยครบทุกตำแหน่ง) ส่วนรุ่น 2.0 HEV จะได้เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat รองรับได้สูงสุด 7 ที่นั่ง ขณะที่เบาะนั่งผู้ขับขี่สามารถปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมทั้งหุ้มด้วยวัสดุหนังสีดำทุกรุ่นย่อย
ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto (ผ่าน USB), หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 7 นิ้ว, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, พวงมาลัยหุ้มหนังปรับได้ 4 ทิศทาง, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า, กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา (PVM) และกล้องบันทึกการขับขี่ด้านหน้า (DVR) เป็นต้น
นอกจากนี้ Toyota Innova ZENIX ที่วางจำหน่ายในมาเลเซียยังถูกติดตั้งระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ลงในทุกรุ่นย่อย มาพร้อมกับระบบ Adaptive Cruise Control (ACC) แบบ Full Speed Range, ระบบ Pre-Collision Braking (PCB), ระบบ Lane Departure Alert (LDA), ระบบ Lane Tracing Assist (LTA), ระบบ Automatic High Beam (AHB) และอื่นๆ อีกมากมาย
ในรุ่น 2.0 V ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน Dynamic Force แบบ 4 สูบ รหัส M20A-FKS ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้า (PS) ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 - 4,900 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด Direct Shift CVT พร้อม Sequential Shiftmatic
ส่วนรุ่น 2.0 HEV เป็นเครื่องยนต์ไฮบริดรหัส M20A-FXS ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 เช่นเดียวกัน แต่เสริมการทำงานด้วยมอเตอร์ไฮบริดกำลังสูงสุด 113 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 206 นิวตัน-เมตร ให้กำลังสูงสุดรวมทั้งระบบอยู่ที่ 186 แรงม้า
ส่วนเวอร์ชันไทยต้องรอติดตามกันอีกที แต่คาดว่าอีกไม่นานเกินรอ
อัลบั้มภาพ 25 ภาพ