OMODA 5 EV จ่อเปิดตัวในไทยต้นปี 2567 เดินหน้าเจาะตลาดรถพวงมาลัยขวา

     Chery International ประกาศเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า "OMODA 5 EV" ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกช่วงต้นปี 2567 ที่จะถึงนี้ พร้อมเผยถึงความแข็งแกร่งขององค์กรและแผนการพัฒนาของ Chery ในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมกลยุทธ์ตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวา

     Shawn Xu รองประธานของ Chery International เผยว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ Chery โดยมีภารกิจที่สำคัญในการบรรลุกลยุทธ์ตลาดพวงมาลัยขวา (RHD) ของ Chery ซึ่งจะเน้นไปที่รถยนต์พลังงานแบตเตอรี่ (BEV) และปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ในระยะแรก พร้อมทั้งระบุว่า "OMODA 5 EV" จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่เปิดตัวในประเทศไทยช่วงต้นปี 2567 นี้

     OMODA 5 EV ถูกเผยโฉมครั้งแรกในโลกที่งาน Auto Shanghai 2023 จัดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด "Art in Motion" พร้อมขุมพลังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน แม้ว่า Chery จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ออกมา แต่ระบุว่าจะมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS มากถึง 18 ฟังก์ชัน พร้อมระบบ Driver Monitoring System (DMS) และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

     นอกจากนี้ OMODA 5 EV ยังมาพร้อมรูปลักษณ์ที่สะท้อนถึงความเป็นผู้นำแฟชัน ไม่ว่าจะเป็นไฟท้าย LED X-Style, กระจังหน้าแบบปิดทึบตามฉบับรถยนต์ไฟฟ้าล้วน, ล้อขนาด 18 นิ้ว, เบาะนั่งแบบสปอร์ตพร้อมระบบปรับไฟฟ้าคู่หน้า (6 ทิศทางฝั่งผู้ขับขี่ และ 4 ทิศทางฝั่งผู้โดยสาร), หน้าจอคู่ขนาด 12.3 นิ้วแบบไร้รอยต่อ, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมกรองฝุ่น PM2.5 และชุดเครื่องเสียงจาก Sony เป็นต้น

     Chery ยังมีแผนเปิดตัว TIGGO 8 PRO PHEV รถเอสยูวีขนาดกลางที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ Plug-in Hybrid อีกหนึ่งรุ่น โดยเน้นจับกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก พร้อมห้องโดยสารแบบ 7 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี DHT เจเนอเรชันที่ 3 ของ Chery สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลสูงสุด 75 กม. และมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเพียง 1.3 ลิตร ต่อ 100 กม.เท่านั้น

TIGGO 8 PRO PHEV

     ทั้งนี้ Chery เป็นกลุ่มองค์กรที่มีความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์ โดยมีอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นแกนหลัก เพื่อสอดรับกลุ่มลูกค้าตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับหรู โดยมีแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ได้แก่ Tiggo และ Arrizo ขณะที่แบรนด์ OMODA ก็กำลังเร่งเปิดตัวสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง

     นอกจากนี้ Chery ยังได้พัฒนาแพล็ตฟอร์มสำหรับรถยนต์พลังงานใหม่ ได้แก่ E0X ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มไฟฟ้าล้วนอัจฉริยะประสิทธิภาพสูง, C0X แพล็ตฟอร์มไฟฟ้าล้วนสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก และ T2X ซึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มไฮบริดประสิทธิภาพสูง โดยทั้ง 3 แพล็ตฟอร์มจะครอบคลุมรถยนต์รุ่นใหม่กว่า 23 รุ่น ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนไปจนถึงไฮบริด พร้อมทั้งมีการต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เช่น แบตเตอรี่, อุปกรณ์ชาร์จไฟ, การรีไซเคิลแบตเตอรี่, ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า, ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ ฯลฯ รวมถึงฐานการผลิตแบตเตอรี่พลังงานตั้งแต่ 50 - 100 กิกะวัตต์ชั่วโมง เป็นต้น

     ปัจจุบัน Chery ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลก 5 แห่ง สร้างโรงงาน KD 10 แห่ง และมีร้านจำหน่ายและบริการในต่างประเทศ 1,700 แห่ง โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ถูกส่งออกไปยังกว่า 80 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และมีผู้ใช้ในต่างประเทศมากกว่า 2.35 ล้านคน ได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับแรกในการส่งออกรถยนต์ของจีนเป็นเวลา 20 ปีติดต่อกัน

     ตามแผนการดำเนินงานนั้น Chery จะสร้างกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนและรถยนต์ไฮบริดในอนาคต และวางแผนที่จะขายรถยนต์มากกว่า 1 ล้านคันในต่างประเทศในปี 2568 และเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือในปี 2568 โดยตั้งใจทำยอดขายในต่างประเทศให้ได้ถึง 2 ล้านคัน

     สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทย Chery จะจัดตั้งบริษัทเพื่อดำเนินการด้วยตัวเอง 100% เช่นเดียวกับประเทศอินโดนีเซีย, มาเลเซีย และออสเตรเลีย โดยปัจจุบันมีการเปรียบเทียบกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อต่อยอดสร้างความแข็งแกร่งในตลาดประเทศไทย รวมถึงเพื่อสนับสนุนด้านการก่อสร้างโรงงาน และความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทยด้วยเช่นกัน

     Shawn Xu กล่าวปิดท้ายว่า "เนื่องจากรถยนต์ Chery ถูกส่งออกไปยังทั่วทุกมุมโลก เราจึงให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มากขึ้นด้วย ในอนาคตอันใกล้จะส่งรถต้นแบบมาที่ประเทศไทยพร้อมเชิญสื่อมวลชนร่วมสัมผัสทดลองขับกับเราอย่างแน่นอน"