สแกน MG4 ELECTRIC รถไฟฟ้าแฮทช์แบ็ค 100% ขับสนุก พร้อมดีลแรงกว่า 140,000 บาท

สแกน MG4 ELECTRIC รถไฟฟ้าแฮทช์แบ็ค 100% ขับสนุก พร้อมดีลแรงกว่า 140,000 บาท

สแกน MG4 ELECTRIC รถไฟฟ้าแฮทช์แบ็ค 100% ขับสนุก พร้อมดีลแรงกว่า 140,000 บาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ความดุเดือดของตลาดรถยนต์ EV ไม่มีทีท่าว่าจะแผ่ว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยปี 2566 โตแตะ 5 หมื่นคัน หรือเพิ่มขึ้น 270% เทียบปี 2565 หมายความว่า แบรนด์ที่อยู่ในตลาด EV ต้องเร่งมือพัฒนานวัตกรรมใหม่ และต้องไม่ห่างหายไปจากสายตาผู้บริโภค

เมื่อผู้บริโภคมีศักยภาพในการเป็นเจ้าของ EV มากขึ้น เราจึงได้เห็นแบรนด์ที่คว้าโอกาสเปิดตัวรถยนต์ EV รุ่นใหม่ลงสู่ตลาดมากขึ้น ชิงความสนใจกันด้วยดีไซน์และนวัตกรรมสุดล้ำ หนึ่งในแบรนด์ที่เป็นเบอร์ต้น ๆ ของตลาดรถยนต์ EV เมืองไทยอย่าง MG จึงถูกหยิบยกมาเป็นทางเลือกของคนที่กำลังตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้าเสมอ อาจจะด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำตลาดด้วยรถไฟฟ้ามากถึง 5 รุ่น แต่ละรุ่นต่างมีจุดเด่น จุดขายแตกต่างกัน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุม 

รถ EV ของ MG ที่ถูกพูดถึงในโซเชียลในตอนนี้ คือรุ่น NEW MG4 ELECTRIC ซึ่งไม่ได้เป็นรถ EV ใหม่แกะกล่อง แต่เปิดตัวมาช่วงที่มีรถไฟฟ้ารุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด ซึ่ง MG4 ELECTRIC ตกเป็นคู่เทียบด้วยราคาที่สูสี อีกทั้ง MG ออกดีลฉลองครบรอบ 10 ปี มอบแคมเปญ NEW MG 4 ELECTRIC มูลค่ารวมกว่า 140,000 บาท ซึ่งดึงดูดใจคนที่กำลังเล็งรถไฟฟ้าไม่น้อย

จอง NEW MG4 ELECTRIC ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2566 ลูกค้า 1,000 คันแรก

  • ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง นาน 3 ปี
  • ฟรี! ค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม.
  • พิเศษ! เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
  • ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
  • รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นาน 48 เดือน
  • ฟรี! MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด
  • ฟรี! ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER
  • ฟรี ชุดพรมปูพื้น

ดูจะเป็นโอกาสของคนที่จะก้าวเข้าสู่สังคม EV ด้วยจุดขายของรถรุ่นนี้คือ “ขับสนุก” แนะนำให้ไปทดลองขับกันได้ที่โชว์รูม EV ของเอ็มจี และสามารถจองผ่านช่องทางออนไลน์ที่ https://onlinebooking.mgcars.com/  หรือทางแอพพลิเคชั่น MG Thailand ทางค่ายคอนเฟิร์มว่ามีรถพร้อมส่งมอบไม่ต้องรอนาน        

      

ความใจปล้ำของ MG ไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะ MG ปล่อยแคมเปญ “เติมพลังงานสะอาดให้คุณ ชาร์จเท่าไหร่ เอ็มจี คืนให้เท่านั้น” พิเศษสำหรับลูกค้าที่ใช้งานรถไฟฟ้า เอ็มจี ทุกรุ่น ใช้บริการชาร์จรถที่ “MG SUPER CHARGE” ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ก.ค. 2566 ตลอด 24 ชม. ยอดชาร์จไฟเท่าไร MG ให้ CASH BACK คืน 100% โดยจะคืนผ่านทาง MG WALLET ภายใน 7 วันทำการ นับจากวันที่ใช้บริการ ซึ่งปัจจุบัน “ตู้แดง” เปิดให้บริการแล้วกว่า 135 สถานี ทั่วประเทศ พูดง่ายๆ ก็เหมือน MG ให้ขับรถไฟฟ้าฟรีทั้งเดือน

  • เงื่อนไข แคมเปญที่กล่าวข้างต้น เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น
  • สอบถามเงื่อนไข และข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267

เรื่อง EV Ecosystem ของ MG ถือว่ามีความแข็งแกร่งและยังไม่มีค่ายไหนเทียบติด ไหนๆ พูดถึงแคมเปญ MG4 แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดถึงจุดเด่นของ MG4 ELECTRIC สักนิด

MG4 ELECTRIC ทลายกรอบรถไฟฟ้า MG แบบเดิมๆ ด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่

MG ปรับมาตรฐานใหม่ของรถ EV ไปพอสมควร ซึ่งรวมถึง ‘NEW MG4 ELECTRIC’ รถแฮทช์แบ็คที่ใส่ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE) ให้ความสนุก เร้าใจ และการตอบสนองต่อการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น  ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร มีเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY มีข้อดีในเรื่องการถ่ายเทพลังงานได้ดี ขนาดความจุ 51 kWh การจัดเรียงเซลล์แบบแนวนอนและระบายความร้อนด้วยระบบ Liquid Cooling system สามารถวิ่งในระยะทางไกลสูงถึง 425 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน

จุดเด่นของ MG4 ELECTRIC นอกจากการดีไซน์ที่มาเหนือเกินกว่าจะเป็นเพียงรถไฟฟ้า คล่องแคล่ว ตอบโจทย์การขับขี่ในเมืองไทยที่ต้องซอกแซกไปตามซอยเล็กๆ หรือการเลี้ยวทางแคบๆ รวมไปถึงถนนเล็กๆ ด้วยรัศมีวงเลี้ยวเพียงแค่ 5.3 เมตร และมี Overhang ด้านหน้าและหลังของรถที่สั้น อีกทั้งยังกระจายน้ำหนักแบบสมมาตรที่ 50:50 ตัวถังออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension ในทั้งรุ่น D จำหน่ายในราคา 869,000 บาท และรุ่น X จำหน่ายในราคา 969,000 บาท

โหมดการขับขี่ที่ปรับได้ละเอียด เลือกสไตล์การขับขี่ได้ตามไลฟ์สไตล์

MG4 ELECTRIC สามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ค่อนข้างละเอียด มีให้เลือกมากถึง 5 โหมด ได้แก่ SNOW, ECO, NORMAL, SPORT และ COSTOM ที่สามารถตั้งค่าได้ทั้งน้ำหนักพวงมาลัย อัตราเร่ง แรงที่ใช้ในการเหยียบเบรก ใครชอบขับขี่สไตล์ไหนก็ตั้งได้ตามใจชอบ ถือเป็นรถไฟฟ้าที่สามารถตั้งค่าการขับขี่ได้ละเอียดมากพอสมควร

อีกทั้งแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRICนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ  สามารถนำไปปรับใช้ร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าได้หลากหลายเซกเมนต์ ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค ซีดานไปจนถึงรถกระบะ รวมถึงรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุ ที่สำคัญแบตเตอรี่ถูกติดตั้งเป็นชิ้นเดียวกับโครงสร้างตัวรถจึงได้รับการปกป้องมากยิ่งขึ้น แบ่งเบาความกังวลของคนไทยในการใช้งานรถไฟฟ้าไปได้อีกระดับ

ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกใช้นวัตกรรมแบตเตอรี่ CELL TO PACK จัดเรียงเซลล์แบบแนวนอนที่มีความบางเพียง 110 มิลลิเมตร  ทำให้จัดสรรพื้นที่ภายในห้องโดยสารทำได้ดีขึ้น มอเตอร์มีขนาดเล็กลงแต่ให้สมรรถนะสูงถึง 16,500 รอบต่อนาที รวมไปถึงการพัฒนาซอฟท์แวร์ Battery Management System ให้ดียิ่งขึ้น ในอนาคตมีโอกาสที่แบตเตอรี่จะมีขนาดเท่าเดิมแต่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดี รวมถึงระยะทางขับขี่ไกลมากขึ้น

MG4 ELECTRIC รองรับการชาร์จไฟกระแสตรง DC สูงสุด 88kW และการชาร์จแบบเร็ว หรือ Quick charge จาก 10% - 80% ในเวลาเพียง 35 นาที ถ้าเทียบกับรถไฟฟ้าในกลุ่มเดียวกันถือว่าชาร์จได้เร็วเลยทีเดียว เจ๋งไปกว่านั้น สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกรถด้วยระบบ V2L อีกด้วย

[Advertorial]
 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook