7 สิ่งต้องทำเมื่อขับรถขณะฝนตก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขึ้นเยอะ

7 สิ่งต้องทำเมื่อขับรถขณะฝนตก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขึ้นเยอะ

7 สิ่งต้องทำเมื่อขับรถขณะฝนตก ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขึ้นเยอะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ในช่วงฤดูฝนอาจมีฝนตกโปรยปรายได้ทุกเมื่อ ซึ่งถนนที่เปียกลื่นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ Sanook Auto จึงขอแนะนำ 7 สิ่งที่ต้องทำขณะขับรถยามฝนตก จะช่วยให้คุณสามารถเดินทางไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

     1. ลดความเร็วลงจากปกติ - เนื่องจากการพื้นถนนที่เปียกลื่นจะทำให้ระยะเบรกเพิ่มขึ้น ทางที่ดีควรใช้ความเร็วไม่เกิน 80 - 90 กม./ชม. หรือต่ำกว่านั้นหากเป็นการขับขี่ในเมือง จะช่วยให้คุณยังคงสามารถควบคุมรถได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา

     2. เพิ่มระยะทางจากรถคันหน้า - ทัศนวิสัยที่ย่ำแย่จากฝนจะทำให้ประสิทธิภาพในการตัดสินใจช้าลง จึงควรเพิ่มระยะทางจากรถคันหน้ามากกว่าปกติ หากรถคันหน้าเกิดเบรกกะทันหัน จะเพิ่มโอกาสในการเบรกหรือหักหลบได้อย่างทันท่วงที

     3. เปิดไฟหน้าเสมอ - การขับรถในขณะฝนตกควรเปิดไฟหน้ารถไว้เสมอแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันก็ตาม เพราะการเปิดไฟหน้าจะช่วยให้รถคันอื่นสังเกตเห็นคุณได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลน

raining)01

 

     4. เปิดที่ปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับปริมาณน้ำฝน - จะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้สามารถมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจน หากเป็นระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ก็ควรปรับความไวต่อปริมาณน้ำฝน (Sensitivity) ให้เหมาะสมเช่นกัน โดยสามารถศึกษาได้จากคู่มือของรถแต่ละรุ่น

     5. หลีกเลี่ยงการแซงโดยไม่จำเป็น - เนื่องจากการเร่งแซงขณะทัศนวิสัยย่ำแย่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ รวมถึงกรณีเป็นรถกระบะที่มีน้ำหนักส่วนท้ายเบากว่าปกติ การเพิ่มน้ำหนักคันเร่งอย่างรวดเร็วอาจส่งผลให้ล้อการเกิดอาการหมุนฟรีจนเกิดอาการเสียหลักได้ง่าย

     6. ลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง - เนื่องจากทางโค้งถือเป็นจุดอันตรายอย่างยิ่งในขณะฝนตก ควรใช้ความเร็วอย่างเหมาะสมทุกครั้งก่อนเข้าโค้ง หลีกเลี่ยงการหักเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงจนเกินไป เพื่อป้องกันการลื่นไถลที่อาจเกิดขึ้นได้

     7. ไม่ลุยน้ำลึกเกินความสูงใต้ท้องรถ - หากพบว่าเส้นทางข้างหน้ามีน้ำท่วมขัง ควรประเมินระดับความลึกของน้ำก่อนเสมอ ทางที่ดีระดับน้ำจะต้องไม่เกินความสูงใต้พื้นรถ จะช่วยให้สามารถลุยน้ำได้อย่างปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในห้องโดยสาร

     หากผู้ขับขี่สามารถปฏิบัติได้ตามข้อแนะนำข้างต้นแล้วล่ะก็ รับรองว่าสามารถขับรถไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัยแน่นอนไม่ว่าจะใกล้หรือไกลแค่ไหนก็ตาม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook