ไปรู้จัก Citroën DS ของ "เสี่ยหนู" ทำไมราคาพุ่งไป 2 ล้าน ไม่รวยจริงซื้อไม่ได้!

     บนโลกโซเชียลระยะหลังมานี้หลายคนคงเห็นภาพของ "เสี่ยหนู" หรือ "อนุทิน ชาญวีรกูล" คู่กับรถยนต์คลาสสิกขึ้นหิ้งอย่าง "Citroën DS" ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าซื้อขายกันสูงถึง 2 ล้านบาท รถคันนี้มีดีอย่างไร Sanook Auto จะพาไปหาคำตอบกัน

     หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่า Citroën (ซีตรอง) เป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับศตวรรษ ซึ่งได้มีการเปิดตัว Citroën DS เป็นครั้งแรกในปี 1955 หรือเมื่อ 68 ปีที่ผ่านมา และทำตลาดยาวนานต่อเนื่องมาจนถึงปี 1975 รวมระยะเวลาทั้งสิ้นถึง 20 ปี เทียบกับรถรุ่นปัจจุบันที่มีอายุโมเดลราว 6 ปีเท่านั้น

     ความโดดเด่นของ Citroën DS คงหนีไม่พ้นดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้าทรงโตมองเห็นเด่นมาแต่ไกล เส้นสายตัวถังที่โฉบเฉี่ยวดูล้ำสมัยอย่างมากในยุคนั้น รวมถึงปริมาณรถที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในสภาพดีมาจนถึงปัจจุบัน ล้วนแต่มีส่วนที่ทำให้ Citroën DS กลายเป็นรถคลาสสิกที่หลายคนใฝ่หามาครอบครอง

     จุดเด่นสำคัญอีกหนึ่งอย่างของ Citroën DS ก็คือช่วงล่างอันแสนนุ่มนวลเปรียบได้กับ "พรมวิเศษ" เนื่องจากรถรุ่นนี้ถือเป็นรถโปรดักชันรุ่นแรกๆ ของซีตรองที่ใช้ช่วงล่างแบบไฮดรอลิกที่เรียกว่า Hydropneumatic ซึ่งสมัยนั้นรถส่วนใหญ่ยังไม่มีแม้กระทั่งช่วงล่างแบบอิสระอย่างทุกวันนี้ด้วยซ้ำไป

     ช่วงล่างสุดวิเศษดังกล่าวมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ตัวรถยังคงระดับความสูงเท่าเดิมแม้ว่าจะมีผู้โดยสารนั่งเต็มคันก็ตาม และยังสามารถยกสูงกว่าปกติเพื่อขับขี่บนสภาพถนนขรุขระได้ เนื่องจากถนนในประเทศฝรั่งเศสหลายเส้นในยุคนั้นเป็นถนนที่สร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยนำเอาหินขนาดเล็กมาเรียงต่อกัน ก่อให้เกิดพื้นผิวตะปุ่มตะป่ำแตกต่างจากถนนลาดยาง ซึ่งช่วงล่างของ Citroën DS สามารถขับผ่านพื้นผิวเหล่านั้นได้อย่างนุ่มนวลจนได้รับการขนานนามว่าพรมวิเศษนั่นเอง

     แม้ว่าที่สุดแล้วซีตรองจะสามารถผลิตและจำหน่าย Citroën DS ไปได้ถึงเกือบ 1.5 ล้านคันทั่วโลก แต่ปัจจุบันหลงเหลือรถที่อยู่ในสภาพดีน้อยมาก ยิ่งถ้าใครมีไว้ครอบครองก็มักจะไม่ปล่อยสู่ตลาดมือสองง่ายๆ

     โดยปัจจุบันในไทยมีรถมือสองรุ่นดังกล่าวจำนวนเพียงหลักหน่วยเท่านั้น โดยราคาก็เริ่มต้นตั้งแต่ 7-8 แสนบาท ไปจนถึง 2 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสภาพและประวัติของรถแต่ละคัน ซึ่งบอกเลยว่าแค่รวยอย่างเดียวคงไม่พอที่จะครอบครองรถรุ่นนี้ ต้องใจรักรถรุ่นนี้แบบสุดๆ จึงจะสามารถบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานไปอีกยาวนาน