ข้างหน้าไม่มีอะไร แต่ทำไมรถถึงติด?

ข้างหน้าไม่มีอะไร แต่ทำไมรถถึงติด?

ข้างหน้าไม่มีอะไร แต่ทำไมรถถึงติด?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     เคยเจอกันไหมครับ เวลาเราขับรถอยู่บนถนนแล้วต้องเจอกับ “รถติด” ชนิดที่ต้องเร่ง ๆ เบรก ๆ จนน่ารำคาญ แต่เมื่อขับผ่านจุดนั้นไปแล้ว เราจะต้องอุทานขึ้นมาว่า “ติดอะไรวะ ไม่เห็นมีอะไรเลย!” ซึ่งส่วนใหญ่รถที่ติดในลักษณะนี้ มักเกิดขึ้นบนทางหลวง ทางด่วน หรือทางที่เป็นทางตรงยาว ไม่มีไฟจราจร

     สัปดาห์ที่แล้ว ผมเพิ่งจะนำประเด็นพฤติกรรมขับจี้ท้ายรถชาวบ้านบนถนนหลวงมาพูดคุยกัน ซึ่งนั่นแหละครับมันคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถติดบนทางหลวงด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่การจราจรหนาแน่น รถเยอะเต็มท้องถนน “พฤติกรรม” ในการขับรถนำมาซึ่งปัญหาจราจรที่เราอาจไม่เห็นเป็นรูปธรรม หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Phantom traffic jam

     ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ จากสถิติทั่วโลก สาเหตุของรถติดที่เราเห็นได้ด้วยตา 40 เปอร์เซ็นต์มาจากปัญหาถนนที่เป็นคอขวด รองลงมา 25 เปอร์เซ็นต์คืออุบัติเหตุจราจร 15 เปอร์เซ็นต์มาจากสภาพอากาศ 10 เปอร์เซ็นต์มาจากการซ่อมถนน 5 เปอร์เซ็นต์มาจากสัญญาณไฟมีปัญหาหรือเปิดไฟแดงนานเกินไป และ 5 เปอร์เซ็นต์มาจากสาเหตุอื่น ๆ

     นั่นเป็นสาเหตุเราเห็นกันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นบนถนนครับ แต่ Phantom Traffic Jam หรือบางคนเรียก Ghost Jam ที่มักจะเกิดขึ้นบนทางไฮเวย์ทั้งทางด่วน เส้นวงแหวน และมอเตอร์เวย์ มันคือรถติดในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ผ่านไป สร้างความรำคาญให้กับผู้ขับขี่ เพราะการขับรถออกต่างจังหวัด ทุกคนคาดหวังว่าจะได้เจอทางที่โล่ง แต่กลับต้องชะลอรถจนติดขัดแบบลูกโซ่ไปทั้งเส้นทาง

     แม้เราจะไม่เห็นด้วยตาว่ามันติดเพราะอะไร แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนต้องมีสาเหตุทั้งสิ้นครับ แน่นอนว่าปริมาณรถที่หนาแน่นคือปัจจัยลำดับต้น ๆ แต่ลองนึกดูครับ หากต่อให้รถเยอะแค่ไหน ในการขับทางตรงยาว ๆ หากมีการทำความเร็วที่คงที่ มีการเว้นระยะห่างจากคันหน้าให้พอเหมาะ คุณแทบจะไม่ต้องชะลอรถหรือแตะเบรกให้เสียอารมณ์เลย เพราะรถมันก็จะไหลตาม ๆ กันไป เพียงแต่ว่าอาจทำความเร็วได้ไม่เต็มที่ก็เท่านั้นครับ

traffic01

     แต่ในสถานการณ์เดียวกัน เมื่อรถวิ่งตาม ๆ กันมาบนเส้นทาง แล้วเกิดมีคันหนึ่งเบรกกะทันหัน มันก็จะทำให้คันหลังต้องเบรกตาม ๆ กันไปด้วย หรือบางทีต้องเบรกถึงหยุดนิ่งก็มี อย่างนิสัยการขับจี้ก็เป็นเหตุทำให้รถติดได้ เพราะหากรถที่เขาขับกันอยู่เว้นระยะห่างกันพอดีแล้ว ดันมีพวกขับจี้ เข้ามาแทรกกลาง หรือมีรถเปลี่ยนเลนกะทันหัน ก็ทำให้ต้องเบรกตาม ๆ กันไปเช่นกัน

     นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการขับขี่ของรถคันหน้า ที่อยู่ ๆ ขับช้า ขับใจลอย หรือแบ่งสมาธิไปทำอย่างอื่น อย่างประสบการณ์ที่ผมเห็นบ่อยบนทางด่วนเส้นเอกมัย-รามอินทรา คือ ขับช้าเพราะมัวแต่ดูโทรศัพท์ นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้รถติดเช่นกัน ฉะนั้น บอกได้เลยว่า Phantom Traffic Jam มาจากพฤติกรรมการขับรถของมนุษย์ล้วน ๆ ครับ

     ปัญหานี้ในต่างประเทศเขาก็มีการวิเคราะห์หาทางแก้กันอยู่เหมือนกันครับ เพราะเราไม่มีทางที่จะไปควบคุมนิสัยการขับของรถทุกคันให้เหมือนกันได้ หรือกระทั่งหากผู้ขับขี่ไม่ได้ทำอะไรผิด รถที่ขับ ๆ อยู่ก็อาจจะมีปัญหาขึ้นมากะทันหันก็ได้เหมือนกัน ซึ่งหนึ่งในเทคโนโลยีที่เขาทดสอบกันมาแล้วจากกลุ่มตัวอย่างว่าสามารถแก้ปัญหานี้ได้ก็คือ Adaptive Cruise Control

     โดยเจ้าระบบ Adaptive Cruise Control หรือ ACC ที่ว่านี้ มันคือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับระยะจากรถคันหน้า และควบคุมความเร็วให้ขับตามในระยะที่เหมาะสมและปลอดภัย อาทิ คันหน้าขับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระบบก็จะคุมให้รถเราขับในความเร็วเท่า ๆ กัน และหากคันหน้าจะเร็วขึ้นหรือช้าลง ระบบก็จะแปลผันตามความเร็วของคันหน้า

     ในการทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง เห็นผลชัดเจนครับว่า Adaptive Cruise Control ช่วยลดปัญหารถติดแบบ Phantom Traffic Jam แถมยังปลอดภัยกว่าการใช้คนขับเสียอีก อย่างไรก็ดี นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการทดสอบ แต่ในชีวิตจริง จะมีรถสักกี่คันที่มีระบบนี้ ฉะนั้น พฤติกรรมในการขับก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ดี

     สุดท้ายขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพกับนิทานอีสป “กระต่ายกับเต่า” ก็แล้วกันครับ ว่าจริง ๆ แล้วรถมันจะไม่ติดหรือต้องชะลอตัวเลย หากทุกคันขับไปตามความเร็วที่ควรจะทำได้ แม้ความเร็วนั้นมันอาจจะช้าหน่อย แต่ก็ยังดีกว่า เร่ง ๆ หยุด ๆ จนเป็นเหตุทำให้รถติด ที่สำคัญจะทำให้ถึงจุดหมายช้ากว่าด้วยซ้ำไปครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook