AION Y Plus ขุมพลังไฟฟ้า 100% เตรียมเปิดตัวในไทย 9 ก.ย.นี้

     AION จับมือ 7 พันธมิตรทางธุรกิจระยะยาวบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอาเซียนเต็มสูบ จ่อประเดิมเปิดตัว AION Y Plus ขุมพลังไฟฟ้า 100% อย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทยวันที่ 9 กันยายนนี้

     บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (Aion) ลงนามความร่วมมือพันธมิตรทางธุรกิจระยะยาวกับ 7 ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จาก 4 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ Gold Integrate (ประเทศไทย), AIONIC (ประเทศไทย), V Group AI ( ประเทศไทย), Harmony Auto (ประเทศไทย), 99 เมียนมาร์ (เมียนมาร์), Harmony Auto (เวียดนาม), EV HUB PRE LTD (สิงคโปร์) เพื่อเดินหน้าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเต็มสูบในอาเซียน

     นายโอเชี่ยน หม่า (Ocean Ma) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอออน ออโตโมบิล เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของกลยุทธ์การพัฒนาและเติบโตในต่างประเทศของแบรนด์ ซึ่ง AION ไม่เพียงเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกในการรุกตลาดระดับภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังมีแผนการสร้างสำนักงานใหญ่ของ AION ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เมืองไทยเป็นแห่งแรก เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนการดำเนินงานหลักในตลาดนี้ และจะยังคงขยายฐานการดำเนินงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต”

     สำหรับ AION Y Plus เป็นรถยนต์ไฟฟ้ากึ่งครอสโอเวอร์พิกัด B-segment ตัวถังมีความยาว 4,535 มม. ความกว้าง 1,870 มม. ความสูง 1,650 มม. และความยาวฐานล้อ 2,750 มม. ถูกพัฒนาขึ้นบนแพล็ตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับขุมพลังไฟฟ้าโดยเฉพาะ

     AION Y Plus (หรือ GAC AION Y Plus) ที่วางจำหน่ายในประเทศจีน ติดตั้งมอเตอร์ให้เลือก 2 ขนาด คือ 136 แรงม้า (100 kW) แรงบิดสูงสุด 176 นิวตัน-เมตร จับคู่กับแบตเตอรี่แบบ LFP ความจุ 51.9 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทางราว 430 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง (ตามมาตรฐาน CLTC)

     อีกรุ่นเป็นมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 204 แรงม้า (150 kW) แรงบิดสูงสุด 225 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือกทั้งแบบ LFP ความจุ 61.7 kWh สามารถขับขี่ได้เป็นระยะทาง 510 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน CLTC) และแบตเตอรี่แบบ NMC ความจุ 69.98 kWh ที่เพิ่มระยะทางขับขี่ขึ้นเป็น 610 กิโลเมตรเมื่อชาร์จจนเต็ม

     ราคาจำหน่าย AION Y Plus ในประเทศจีนปัจจุบันอยู่ระหว่าง 119,800 - 189,800 หยวน หรือประมาณ 580,000 - 915,000 บาท ส่วนราคาจำหน่ายในประเทศไทยต้องรอภายหลังจากการเปิดตัวอีกครั้ง