ชมภาพจริง All-new Honda Accord (Gen 11) ก่อนเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้

     ชมภาพคันจริง All-new Honda Accord 2024 (Gen 11) ใหม่ ที่เคยถูกนำมาจัดแสดงในงานเซี่ยงไฮ้มอเตอร์โชว์เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่การเปิดตัวในประเทศไทยคาดว่าจะมีขึ้นในเดือนตุลาคมนี้

Honda Accord e:PHEV (เวอร์ชันจีน)

     เว็บไซต์ autolifethailand.tv ระบุว่า ฮอนด้า ประเทศไทย อาจมีแผนเตรียมเปิดตัว All-new Honda Accord 2024 เจเนอเรชันที่ 11 ใหม่ ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยหากมีการเปิดตัวรถรุ่นดังกล่าวจริงก็เท่ากับว่าแอคคอร์ดโฉมปัจจุบันจะมีอายุตลาดเพียง 4 ปีเศษเท่านั้น (โฉม Gen 10 เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2562) เทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่มักจะมีอายุตลาดประมาณ 6 ปีเป็นอย่างน้อย

     All-new Honda Accord เจเนอเรชันที่ 11 ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกที่สหรัฐอเมริกา พร้อมขุมพลังที่มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร VTEC TURBO และเบนซินไฮบริด 2.0 ลิตร ขณะที่ประเทศจีนยังมี Accord e:PHEV พร้อมขุมพลังเบนซิน Plug-in Hybrid 2.0 ลิตร ที่สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าไกลสูงสุด 82 กิโลเมตรเมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม

Honda Accord (US Spec)

     ฮอนด้า แอคคอร์ด 2024 มีการออกแบบภายนอกขึ้นใหม่ทั้งหมด เน้นดีไซน์เรียบหรูขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยหากอ้างอิงจากเวอร์ชันอเมริกา จะมาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานใหม่ เช่น หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว ที่ออกแบบให้สามารถใช้งานขณะขับรถได้อย่างสะดวก พร้อมระบบ Google built-in สำหรับใช้บริการต่างๆ ของกูเกิลได้ รวมถึงติดตั้งระบบเสียง Bose ลำโพง 12 ตำแหน่ง ที่มีเทคโนโลยี Bose Centerpoint และ Bose SurroundStage เพื่อให้คุณภาพเสียงที่ดีเท่ากันไม่ว่าจะนั่งโดยสารตำแหน่งใดก็ตาม

     ขุมพลังของเวอร์ชันอเมริกาติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 192 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 260 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT และเครื่องยนต์ไฮบริดที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson-cycle ขนาด 2.0 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ให้กำลังรวมสูงสุด 204 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด คือ ECON / Normal / Sport และ Individual

     ส่วนขุมพลัง e:PHEV ในเวอร์ชันจีนทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson-cycle ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 149 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 183 นิวตัน-เมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 2 ตัว ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบอยู่ที่ 207 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 17.7 kWh สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลสูงสุด 82 กิโลเมตรเมื่อชาร์จจนเต็ม มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 20.49 กม./ลิตร

     ส่วนความคืบหน้าของการเปิดตัวเวอร์ชันไทยต้องติดตามกันอีกครั้ง