ลองขับ BMW M2 และ X4 M Competition กับกิจกรรม BMW Driving Challenge 2023
ลองสัมผัสความแรงของ BMW M2 รถสปอร์ตคูเป้ตัวโหดกับขุมพลัง 6 สูบ กำลังสูงสุด 460 แรงม้า พร้อมด้วย SAV ตัวแรงอย่าง BMW X4 M Competition อีกหนึ่งรุ่น จะโหดสมกับความเป็น BMW M ขนาดไหน ไปติดตามกันได้ในบทความนี้ครับ
บทความนี้ Sanook Auto จะพาคุณผู้อ่านไปสัมผัสความแรงของรถสปอร์ตสมรรถนะสูงตระกูล BMW M ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะเทียบชั้นซูเปอร์คาร์ แต่ยังสามารถนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้ไม่ต่างกับรถบ้านทั่วไป โดยครั้งนี้เราได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม BMW Driving Challenge 2023 ณ สนามช้างอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เพื่อสัมผัสรถยนต์ตระกูล BMW M จำนวน 2 รุ่น นั่นคือ BMW M2 และ BMW X4 M Competition นั่นเอง
BMW M2
สำหรับ BMW M2 รหัสตัวถัง G87 ถือเป็นรถสปอร์ตคูเป้รุ่นเล็กสุดในตระกูล BMW M ที่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นเจเนอเรชันที่ 2 มาพร้อมเส้นสายตัวถังที่เน้นความทรงพลังเป็นพิเศษ ด้วยระยะฐานล้อที่สั้นลง 110 มิลลิเมตร และมีความยาวตัวถังสั้นกว่า M4 Coupé ถึง 214 มิลลิเมตร ส่งผลให้ BMW M2 เป็นรถที่มีความกระชับคล่องตัวมากที่สุดของตระกูล M เลยก็ว่าได้
BMW M2 ยังมีการตกแต่งแตกต่างไปจาก M240i xDrive ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ด้วยโป่งซุ้มล้อหน้าและหลังขนาดใหญ่เพื่อแสดงถึงพละกำลังที่มากเป็นพิเศษ พร้อมช่องดักอากาศบริเวณกันชนหน้าที่ออกแบบด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน มาพร้อมสปอยเลอร์เหนือฝากระโปรงท้าย และดิฟฟิวเซอร์กันชนท้ายรับกับปลายท่อไอเสียแบบ 2 คู่
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอกของ BMW M2 ประกอบด้วย ไฟหน้า Adaptive LED ตกแต่งสีดำสไตล์ M พร้อมระบบไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant), ชุดเบรก M Compound สีแดงเงา, หลังคา M Carbon, ช่วงล่าง Adaptive M Suspension ที่สามารถปรับความหนืดได้, เฟืองท้าย M Sport ที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนนเมื่อเปลี่ยนเลนหรือเร่งความเร็วออกจากโค้ง และล้อ M น้ำหนักเบาลาย 930 M Double Spoke คู่หน้าขนาด 19 นิ้ว และคู่หลังขนาด 20 นิ้ว ที่สามารถเลือกได้ทั้งสีดำ Jet Black หรือ Bicolour
ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งเบาะนั่ง M Sport ปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมเมมโมรี่ฝั่งผู้ขับ, พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน-แดง, เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M, กาบบันไดดีไซน์ M แบบเรืองแสง, วัสดุตกแต่ง M Carbon Fibre และหลังคาภายในดีไซน์ M สี Anthracite
นอกจากนี้ BMW M2 ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้แบบครบๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ BMW Curved Display ที่เชื่อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัส Control Display ขนาด 14.9 นิ้วเข้าไว้ด้วยกัน มาพร้อมระบบ BMW ConnectedDrive และ BMW Connected Package Professional รองรับบริการขั้นสูง และระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon ในวันที่ต้องการความผ่อนคลายได้
ขุมพลังของ BMW M2 เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร BMW M TwinPower Turbo กำลังสูงสุด 460 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ที่ 2,650 - 5,870 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์และปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ M1 และ M2 บนพวงมาลัย
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังชุดดังกล่าวส่งผลให้ BMW M2 สามารถเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งจนถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม. พร้อมทั้งเคลมอัตราสิ้นเปลืองเอาไว้ที่ 10.4 กม./ลิตร ตามที่ปรากฏบน ECO Sticker
BMW X4 M Competition
BMW X4 M Competition เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีความน่าสนใจไม่น้อย เนื่องจากมีราคาค่าตัวขยับขึ้นจาก BMW M2 ไม่มากนัก แต่ได้ความอเนกประสงค์ตามฉบับ SAV (ย่อมาจาก Sport Activity Vehicle เป็นชื่อเฉพาะที่บีเอ็มดับเบิลยูใช้เรียกรถยนต์ตระกูลอเนกประสงค์) แถมยังเป็นเวอร์ชัน Competition ที่มีพละกำลังมากกว่า BMW X4 M ปกติอีกด้วย
ภายนอกของ BMW X4 M Competition ถูกตกแต่งเป็นพิเศษด้วยชุดแต่ง BMW Individual High-Gloss Shadow Line with Extended Contents พร้อมไฟหน้าแบบ BMW Laserlight ตกแต่งสีดำ (BMW Individual Lights - Shadow Line), ชุดเบรก M Compound สีดำ High-gloss, หลังคากระจก Panoramic เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า, ท่อไอเสีย M Sport และล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาลาย Double Spoke ขนาด 21 นิ้ว สี Bicolor
ภายในห้องโดยสารถูกติดตั้งเบาะนั่งคู่หน้าดีไซน์ M Sport ปรับระดับด้วยไฟฟ้า ประดับด้วยสัญลักษณ์ M บริเวณพนักพิงศีรษะ พร้อมเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M วัสดุตกแต่ง Carbon Fibre โดยยังคงสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง เผื่อว่าจะขับไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวหรือขับไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็ย่อมได้
ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานของ BMW X4 M Competition ก็ได้แก่ กุญแจแบบ Display Key ที่สามารถแสดงข้อมูลตัวรถจากระยะไกล, ระบบ BMW Live Cockpit Professional, หน้าจอ BMW Head-up Display, ระบบ BMW ConnectedDrive, ระบบสั่งงาน iDrive ด้วยท่าทางมือ BMW Gesture Control, ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon, ระบบช่วยการขับขี่ Driving Assistant Professional และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Active Cruise Control w. Stop & Go Fucntion เป็นต้น
ด้านขุมพลังของ BMW X4 M Competition ถูกติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ M TwinPower Turbo ความจุ 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 510 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตัน-เมตร ที่ 2,750 - 5,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ M 8 จังหวะ พร้อม Drivelogic สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม.
นอกจากนี้ BMW X4 M Competition ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถตระกูล BMW M ซึ่งจะเน้นส่งกำลังไปยังล้อคู่หลัง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสการตอบสนองแบบเดียวกับรถขับเคลื่อนล้อหลัง และจะส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าเฉพาะเวลาที่ได้แรงบิดแบบเต็มพิกัดต่อมาจากเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน เช่นเวลาที่เร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง จะสามารถถ่ายทอดแรงบิดลงสู่พื้นถนนได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ลองขับ BMW M2 และ BMW X4 M Competition
เราได้มีโอกาสสัมผัสรถทั้ง 2 รุ่น บนระยะทางครึ่งสนาม Chang International Circuit โดยเริ่มกันที่ BMW X4 M Competition กันก่อน ซึ่งแม้ว่ารถรุ่นนี้จะมีโครงสร้างพื้นฐานแบบ SAV แต่เมื่อผ่านการพัฒนาต่อยอดโดย BMW M อันเลื่องชื่อนั้น กลับกลายเป็นว่าสามารถสร้างลีลาบนสนามแข่งได้ชนิดไม่แพ้รถซีดานเลยทีเดียว
ด้วยพละกำลังถึง 510 แรงม้า และแรงบิด 650 นิวตัน-เมตร ที่ถ่ายทอดลงสู่พื้นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ส่งผลให้ตัวรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วอึดใจเดียวก็สามารถแตะความเร็ว 180 กม./ชม. โดยยังคงบุคลิกการตอบสนองที่ยังมีความเป็นผู้ใหญ่นิดๆ มีความหนักแน่น พอให้ได้รับรู้ว่าเรากำลังขับรถเอสยูวีที่มีความสูงและน้ำหนักมากกว่ารถเก๋งทั่วไป
แต่เมื่อถึงจังหวะเข้าโค้ง กลับกลายเป็นว่า X4 M Competition สามารถเก็บอาการโคลงได้อย่างน่าประทับใจ หากใช้ความเร็วที่เหมาะสม แทบจะไม่มีเสียงยางเอ๊ี๊ยดอ๊าดให้ได้ยิน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงขีดจำกัดในการเข้าโค้งที่มากกว่ารถเอสยูวีทั่วไป โดยรวมแล้วถือเป็นรถ SAV ที่มีช่วงล่างที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งที่เราเคยสัมผัสมาเลยก็ว่าได้
จากนั้นเราได้มีโอกาสสลับมาลองขับ BMW M2 บนเส้นทางทดสอบเดียวกับเปี๊ยบ สิ่งแรกที่สัมผัสได้ทันทีคือความ Aggressive ที่มากกว่า X4 M Competition เพราะแม้ว่าจะมีแรงม้าสูงสุดน้อยกว่าอยู่ที่ 460 ตัว แต่ด้วยบอดี้ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักที่เบากว่า ส่งผลให้ BMW M2 เปรียบเสมือนหมาป่าบ้าคลั่งที่พร้อมจะพุ่งทะยานไปขย้ำเหยื่อที่อยู่เบื้องหน้าตลอดเวลา (ว่าไปนั่น!)
แม้ว่าตัวถังจะมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา แต่เสถียรภาพความมั่นคงที่ความเร็วสูงระดับ 180 กม./ชม. ยังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เพราะอย่าลืมว่านี่คือรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันที่ออกแบบมาเพื่อโลดแล่นบน Autobahn ซึ่งไร้การจำกัดความเร็วตามกฎหมาย (Autobahn เป็นภาษาเยอรมันแปลว่ามอเตอร์เวย์ ซึ่งเป็นโครงข่ายถนนหลวงของเยอรมนี ซึ่งอันที่จริงมันก็ยังมีการจำกัดความเร็วเป็นช่วงๆ อยู่เหมือนกัน) ดังนั้นความเร็วระดับนี้ถือว่าจิ๊บๆ แถมยังให้ความรู้สึกเหมือนกับขับอยู่แค่ 130 - 140 กม./ชม. ด้วยซ้ำไป
และความสนุกของ BMW M2 ที่เหนือกว่า X4 M Competition อย่างเห็นได้ชัดนั่นก็คือการตอบสนองการเข้าโค้งแบบรถขับเคลื่อนล้อหลังแท้ๆ ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการขับรถเร็วอยู่แล้วล่ะก็ จะต้องหลงรักความ Oversteer นิดๆ แบบที่ยังคาดเดาได้และควบคุมได้ง่ายของ BMW M2 คันนี้แน่นอน
น่าเสียดายที่เราได้มีโอกาสสัมผัสรถทั้ง 2 รุ่นในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ก็อาจกล่าวได้ว่าทั้งคู่ล้วนแต่เป็นรถสปอร์ตตามฉบับ BMW M ขนานแท้ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ช่วงล่างที่ตอบสนองได้อย่างแน่นหนึบสนุกเร้าใจ และสุ้มเสียงคำรามจากปลายท่อที่สร้างความระทึกทุกครั้งที่กดคันเร่ง ต่อให้ไม่ได้เอาไปขับบนสนามแข่งเหมือนที่เราทดสอบในครั้งนี้ แต่จะเอาไปขับหล่อๆ แถวสุขุมวิท หรือขึ้นไปปล่อยจอยเบาๆ บนทางด่วนบูรพาวิถี ก็เชื่อว่าจะสามารถสนอง Need คนที่รักความเร็วได้แบบเกินร้อยแล้วล่ะครับ
ราคาจำหน่าย BMW M2 และ X4 M Competition (ราคารวมแพ็กเกจ BSI Standard ให้การบำรุงรักษาระยะเวลา 3 ปีหรือ 60,000 กม.)
- BMW M2 ราคา 6,499,000 บาท
- BMW X4 M Competition ราคา 8,799,000 บาท
อัลบั้มภาพ 47 ภาพ