Audi A7 Sportback 55 TFSI e ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด 367 แรงม้า ราคาเริ่ม 4,799,000 บาท
Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro ใหม่ เพิ่มทางเลือกด้วยขุมพลัง Plug-in Hybrid 2.0 ลิตร กำลังรวมสูงสุด 367 แรงม้า ขับขี่ในโหมดไฟฟ้าไกลสุด 69 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) มีให้เลือกทั้งรุ่น S line และ S line Black Edition เคาะราคาจำหน่าย 4,799,000 - 5,099,000 บาท
ราคาทางการ Audi A7 Sportback 55 TFSI e quattro รุ่นปี 2023 - 2024 ใหม่
- A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line ราคา 4,799,000 บาท
- A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 5,099,000 บาท
A7 Sportback 55 TFSI e quattro ถูกติดตั้งเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเทอร์โบ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 265 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร เมื่อทำงานร่วมกันจะให้กำลังสูงสุด 367 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ quattro ultra technology
A7 Sportback 55 TFSI e quattro สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.7 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม. พร้อมแบตเตอรี่ขนาดความจุ 17.9 kWh พร้อมระบบ Recuperation ที่สามารถสร้างพลังงานไฟฟ้ากลับไปยังแบตเตอรี่ขณะขับขี่ สามารถขับเคลื่อนในโหมดไฟฟ้าล้วนด้วยความเร็วสูงสุด 135 กม./ชม. และทำระยะทางขับขี่ในโหมดไฟฟ้าสูงสุด 69 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP
ทั้งนี้ ระบบชาร์จของ A7 Sportback 55 TFSI e quattro เป็นมาตรฐานหัวชาร์จแบบ Type 2 รองรับการชาร์จกับเครื่องชาร์จสาธารณะ สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุด 7.4 กิโลวัตต์ โดยใช้ระยะเวลาชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมง อีกทั้งยังสามารถชาร์จด้วยปลั๊กไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ ซึ่งใช้ระยะเวลาชาร์จสูงสุดไม่เกิน 4 ชั่วโมง
ภายนอกของรุ่น A7 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition ถูกตกแต่งด้วยแพ็กเกจ S line Black Edition และล้อลายใหม่ Audi Sport 5-double arm style ขนาด 20 นิ้ว ตกแต่งคาลิเปอร์เบรกสีแดง ติดตั้งไฟหน้าแบบ HD Matrix LED พร้อมเอฟเฟกต์ไฟด้านหน้า-หลัง (Light Staging) พร้อมไฟ Projector LED สัญลักษณ์ S ที่ประตูหน้า
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sport plus หุ้มหนัง Valcona ตกแต่งด้วยลาย Diamond cut พร้อมสัญลักษณ์ S line มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัด ตกแต่งด้วยหนัง Perforated พร้อมสัญลักษณ์ S line ขณะที่แผงคอนโซลตกแต่งด้วยลาย Dark Matte Brushed Aluminium ติดตั้งหลังคากระจกพาโนรามิกเลื่อนเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมแป้นคันเร่งและเบรกแบบ Stainless steel
นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ เช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแยกอิสระ 4 โซน, ระบบช่วยปรับอุณหภูมิในห้องโดยสารก่อนเริ่มการขับขี่ (Stationary air conditioning), ช่องจ่ายไฟ USB-C สำหรับผู้โดยสารด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, ระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ และไฟเรืองแสงในห้องโดยสารมากถึง 30 สี (Contour/ambient lighting) เป็นต้น
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี Metallic Glacier White, Metallic Floret Silver, Metallic Mythos Black, Metallic Chronos Grey, และสีใหม่ Metallic Firmament Blue และ Metallic Grenadine Red
ทั้งนี้ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด TFSI e ของ Audi จะได้รับการรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือ 150,000 กม. รับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กม. และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistant ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
อัลบั้มภาพ 36 ภาพ